“อ่านเถอะ หนังสือมันดี สำเร็จรูป ไม่ได้มีอะไรยาก การอ่านหนังสือเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดแล้วในการที่จะปรับปรุงโครงสร้างสมองลูก”
หมอแพม พญ.ปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี เจ้าของเพจ ‘หมอแพมชวนอ่าน’ บอกว่า การอ่านคือการสั่งสมประสบการณ์ที่เด็กไม่รู้ตัว ไม่ว่าพ่อแม่จะอ่านหนังสือเล่มใดให้ลูกฟัง หนังสือจะพาเด็กไปเจอเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ตามจินตนาการของเขาเอง
นี่คือหนังสือนิทาน 5 เล่ม 5 รสชาติที่หมอแพมแนะนำ และย้ำว่าการอ่านหนังสือหรือนิทานให้ลูกฟังเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนทำได้จริง ทำได้ทุกบ้าน ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ แค่เล่าเรื่องจากภาพนั่นก็เพียงพอแล้ว
พี่น้อง 999 ตัว
เรื่อง: Ken Kimura
ภาพ: Yasunari Murakami
เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวกบที่อยู่ในหนองน้ำกับพ่อแม่ นิทานเล่มนี้ทำให้เห็นมิติความสัมพันธ์ของครอบครัวกบที่ออกไข่ 999 ฟอง ก่อนฟักเป็นลูกอ๊อด เหตุผลที่แนะนำเพราะภาพประกอบมีความเหมาะสมกับเด็กเล็ก พื้นสีขาว ตัวอักษรน้อย มีรูปประกอบขนาดใหญ่ ทั้งมุมแคบ มุมกว้าง จะช่วยเน้นดึงความสนใจของเด็กได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งเหตุผลที่หมอแพมแนะนำ เล่มนี้จะช่วยให้เด็กเริ่มเข้าใจเรื่องจำนวนและปริมาณ แน่นอนว่าเด็กเล็กอาจจะยังจินตนาการไม่ออกและไม่รู้ความหมายว่า 999 เป็นจำนวนที่มากหรือน้อย แต่ภาพประกอบของนิทานเล่มนี้จะช่วยให้เด็กพอจินตนาการได้ว่าไข่กบก่อนฟักเป็นลูกอ๊อดทั้ง 999 ฟองนั้นเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วงจรการเติบโตของกบ หมอแพมยกตัวอย่างประสบการณ์จากการอ่านนิทานเรื่องนี้กับลูกสาวให้ฟังว่า น้องพรีม (ลูกสาว) สามารถพูดออกมาได้เองว่าหลังจากแม่กบฟักไข่ออกมาเป็นเม็ดกลมๆ แล้ว จากเม็ดกลมๆ พัฒนาเป็นตัวกบอย่างไร เช่น เริ่มมีขาหลังงอกขึ้นมา มีขาหน้างอกขึ้นมา จากลูกอ๊อดกลายเป็นกบตัวโต ครอบครัวขยายใหญ่ขึ้น ทำให้ต้องย้ายที่อยู่อาศัย แต่อุปสรรคของกบคือต้องคอยระวังงู ทำให้ลูกมีประสบการณ์ร่วมว่างูเป็นสัตว์อันตราย
อึ
เรื่องและภาพ: ทาโร โกมิ
‘อึ’ เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับเด็กอย่างยิ่ง หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยการแนะนำอึของสัตว์หลากหลายชนิด เล่าให้รู้ว่าสัตว์แต่ละชนิดมีอึลักษณะอย่างไร มีกิริยาอย่างไรในการอึอย่างไร อึเป็นแบบไหน ขนาด สี กลิ่น เสมือนพาเด็กๆ ไปเรียนรู้ระบบขับถ่าย ทำให้รู้สึกว่าเรื่องการขับถ่ายเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต คนและสัตว์ต่างก็ต้องอึออกมาเช่นกัน
ฮิปโปหยุดแล้วอึ แต่กวางเดินอึ สัตว์บางอย่างอึแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ สัตว์บางอย่างอึแล้วกลบเรียบร้อยดี
หนังสือเล่มนี้จะช่วยเสริมการสอนเด็กให้รู้จักการช่วยเหลือตัวเอง พาไปรู้จักอวัยวะต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบขับถ่าย และการเดินทางของอาหาร ตั้งแต่เข้าปาก ผ่านกระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ และไม่เพียงแต่จะให้ข้อมูลความรู้แก่เด็กๆ เท่านั้น หากยังเป็นหนังสือที่จะช่วยฝึกวินัยในการขับถ่ายของเด็กด้วย แนะนำให้เด็กรักษาความสะอาดในการขับถ่าย หลังการขับถ่ายทุกครั้งจะต้องเช็ด-ล้าง และดูแลตัวเอง
แม่ไก่ไปเดินเล่น (Rosie’s Walk)
เรื่องและภาพ: แพ็ต ฮัตชินส์
ผู้แปล: อริยา ไพฑูรย์
เป็นหนังสือภาพสำหรับเด็กระดับคลาสสิกของโลกพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1968 ซึ่งยังคงตีพิมพ์และเป็นหนังสือขายดีอยู่ในปัจจุบัน
ว่าด้วยเรื่องราวของโรซี่ แม่ไก่ตัวหนึ่งที่เดินเล่นไปรอบบ้าน หนังสือเล่มนี้มีคำบรรยายเพียงน้อยนิด เพื่อให้เด็กเล็กได้เรียนรู้และเข้าใจความหมายของคำกริยาและคำบุพบทของภาพที่ปรากฏ อีกทั้งยังเป็นหนังสือภาพที่มีรายละเอียดมากทำให้เห็นความเคลื่อนไหวแม้หนังสือภาพตรงหน้าจะหยุดนิ่ง โดยแต่ละหน้าของหนังสือจะเห็นภาพแม่ไก่ที่เดินเล่นไปเรื่อยๆ และถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าในทุกหน้าของหนังสือจะมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งที่แอบเดินตามแม่ไก่อยู่เสมอ
แม้จิ้งจอกตัวนั้นจะทำหน้าตาดูเจ้าเล่ห์ แต่แม่ไก่โรซี่กลับทำหน้าตาเฉย ไม่เคยรู้ตัว จิ้งจอกเดินตามแม่ไก่ไปทุกที่ ทั้งริมบ่อน้ำ ลานกว้าง ผ่านโรงสี ลอดรั้วไม้ แล้วท้ายที่สุดคือมุดตามแม่ไก่ไปที่ใต้รังผึ้ง เลยทำให้สุนัขจิ้งจอกโดนผึ้งต่อย
หนังสือเล่มนี้ทำให้เด็กๆ รู้สึกสนุก ตื่นเต้น เพราะเขาจะได้ลุ้นไปทุกหน้าว่าแม่ไก่จะรอดจากสุนัขจิ้งจอกไหม แล้วตลอดเวลาที่จิ้งจอกเดินตามแม่ไก่โรซี่ แม่ไก่จะรู้ตัวหรือเปล่านะ
Where the Wild Things Are: ดินแดนแห่งเจ้าตัวร้าย
เรื่องและภาพ: มอริซ แซนดัค
ผู้แปล: ป่านแก้ว
หนังสือเล่มนี้เป็นนิทานภาพ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับแม็กซ์ ลูกชายจอมดื้อที่เล่นซนทำข้าวของพัง จนแม่แม็กซ์ให้ขึ้นไปที่ห้องและบอกว่าจะไม่เตรียมข้าวเย็นให้กิน แม็กซ์อยู่ในห้องที่อัดแน่นด้วยความโกรธแม่ เลยจินตนาการว่าตัวเองได้ไปผจญภัยในป่าที่มีแต่ตัวประหลาด ในจินตนาการแม็กซ์เห็นต้นไม้โตขึ้นเรื่อยๆ จนห้องนอนของแม็กซ์กลายเป็นป่า จากนั้นแม็กซ์ก็เลยล่องเรือไปพบเกาะ ได้เจอกับสัตว์ประหลาดอยู่เต็มไปหมด สัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะเข้ามาทำร้ายแม็กซ์หรือขู่ให้กลัว แต่แม็กซ์ไม่กลัว และสุดท้ายแม็กซ์ก็กลายเป็นหัวหน้าของแก๊งนี้ได้
จุดสังเกตของหนังสือเล่มนี้คือภาพประกอบจะค่อยๆ ใหญ่คับหน้าขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รู้สึกตื่นตา จนมาถึงหน้าไฮไลท์ของนิทานที่เป็นภาพประกอบทำให้เห็นว่าแม็กซ์ได้เป็นพระราชาและเป็นหัวหน้าของเกาะนี้แล้ว โดยมีเหล่าสัตว์ประหลาดอยู่รอบข้าง
เมื่อแม็กซ์รู้สึกพอใจ เขารู้สึกไปถึงจุดสูงสุดของตัวเอง สิ่งที่เกิดตามมาคือแม็กซ์หมดความสนุกแล้ว จึงร่ำลาจากมิตรสหายในเกาะนี้เพื่อเดินทางกลับบ้าน พอล่องเรือกลับจนถึงบ้าน แม็กซ์พบว่าที่บ้านมีโจ๊กถ้วยหนึ่งตั้งไว้ ซึ่งเป็นอาหารเย็นของเขาที่แม่ทำรอไว้แล้ว
นิทานเล่มนี้ชวนคิดได้หลายแนว เมื่อแม็กซ์โดนแม่สั่งให้เข้านอนเพราะความดื้อซน ทำให้เขาตกอยู่ในอารมณ์โกรธและไม่สามารถตอบโต้ได้ เด็กๆ จึงมักจะกระโดดเข้าสู่ภาพในจินตนาการ เขาจะใช้อิสรภาพทางจินตนาการทำในสิ่งที่ตนอยากทำ ผู้ใหญ่จึงมองว่าสัตว์ประหลาดในหนังสือเป็นความไม่ดีในใจแม็กซ์ แต่เมื่อแมกซ์กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ท้ายที่สุดก็ยังเจอความอบอุ่นเสมอ
พ่อแม่มือใหม่กับไข่ 5 ฟอง
เรื่องและภาพ: วิภาวี ฉกาจทรงศักดิ์
เรื่องราวเรียบง่ายว่าด้วยครอบครัวจระเข้ ที่มีพ่อกับแม่ตั้งตารอคอยสมาชิกใหม่ ระหว่างที่แม่จระเข้รอฟักไข่ก็จะอ่านหนังสือฮาวทู ศึกษาวิธีการเลี้ยงลูก หาเมนูอาหารให้ลูก นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้ยังแยบคายในการนำเสนอความรู้เชิงคณิตศาสตร์ จากเดิมที่แม่จระเข้มีไข่ในท้อง 5 ฟอง จะค่อยๆ ฟักออกมาทีละฟอง
จากไข่ 5 ฟอง ฟัก 1 ฟอง เหลืออีก 4 ฟอง ไข่ 5 ฟอง ฟักมาแล้ว 2 ฟอง เหลืออีก 3 ฟอง ไข่ 5 ฟอง ฟักมาแล้ว 3 ฟอง เฟลืออีก 2 ฟอง ไข่ 5 ฟอง ฟักมาแล้ว 4 ฟอง เหลืออีก 1 ฟอง
เมื่อพาเด็กๆ อ่านไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องสอนเรื่องคณิตศาสตร์หรือการนับจำนวนเลย เราสามารถใช้การลดและเพิ่มของจำนวนไข่และลูกจระเข้ได้ โดยตัวเลขจำนวนนับ 1-5 เป็นจำนวนพื้นฐานที่เหมาะและเพียงพ่อต่อพัฒนาการของเด็กอนุบาลต้น
ถ้าเป็นผู้ใหญ่อ่านเรื่องนี้อาจจะไม่หวือหวา ไม่ตื่นเต้น แต่เด็กจะตื่นเต้นเมื่อเห็นภาพไข่ค่อยๆ ฟักและลดลง ขณะที่เห็นลูกจระเข้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ธรรมชาติของการนิทาน เวลาอ่านซ้ำๆ สิ่งเหล่านี้เด็กจะเรียนรู้ได้อย่างอัตโนมัติ แต่การอ่านนั้นจะต้องไม่ฝืน ไม่ยัดเยียด และเด็กไม่รู้สึกว่ามีคนตรวจสอบเขาอยู่ นอกจากความแยบยลในการสอดแทรกเรื่องจำนวนนับ
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือการฉายให้เห็นความรัก ความผูกพันในครอบครัว เมื่ออ่านแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ ที่สำคัญหากพ่อแม่อ่านเรื่องนี้จบ ลองถามเด็กๆ ดูได้ว่าจระเข้เป็นสัตว์ที่ออกลูกเป็นอะไร ต้องมีเสียงตะโกนตอบกลับมาอย่างแน่นอนว่า “ไข่” โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องสอน