ไม่ว่าจะ LGBTQ หรือ I+ ‘บ้านคือพลังใจที่ดีที่สุด’ ความอบอุ่นและสายสัมพันธ์ของ ‘เบิร์ด-ชินณรัตน์ รักประกอบกิจ’ และ ‘อากง-อาม่า’

“เก่งไหม”

ประโยคแรกที่อากงวิภาส พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มทันทีที่ประตูรถเปิดออก เรียกเสียงหัวเราะของลูกหลานบนรถให้ดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย 

นี่คือเหตุการณ์สั้น ๆ ที่เกิดขึ้นในคลิป TikTok ช่อง ‘bbirdmill’ ซึ่งบันทึกเรื่องราวในวันที่ครอบครัวได้ไปเที่ยวพักผ่อนกัน และด้วยความเป็นครอบครัวใหญ่จึงขับรถไปสองคัน ทำให้เมื่อถึงเวลาเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป คนบนรถแต่ละคันต่างเข้าใจผิด คิดว่าอากงขึ้นรถอีกคันเรียบร้อยแล้ว ลูกหลานจึงพากันขับรถออกไปไกลกว่าสิบกิโลเมตร ก่อนจะได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกที่มีเสียงปลายสายดังขึ้นมาว่า 

“ลื้อลืมอั๊วไว้ที่บางปู” 

ทำเอาลูก ๆ หลาน ๆ ตกใจ รีบวนรถกลับมารับอากงแทบไม่ทัน

หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น เบิร์ด-ชินณรัตน์ รักประกอบกิจ เจ้าของช่อง TikToK ‘bbirdmill’ วัย 25 ปี ก็เริ่มทำคลิปบอกเล่าเรื่องราวในครอบครัว โดยมี อากงวิภาส รักประกอบกิจ วัย 89 ปี และ อาม่าไซ้เกียว รักประกอบกิจ วัย 87 ปี มาร่วมด้วย 

แม้จะมีช่วงวัยที่ห่างกันถึง 60 ปี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเบิร์ดและอากงอาม่ากลับไม่ได้มีระยะห่างแต่อย่างใด หนำซ้ำทั้งสามคนยังสนิทสนมและใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข คลิปในช่อง TikTok ของเบิร์ดส่วนมากมักเป็นคลิปสนุกสนาน มีการหยอกล้อและแซวกันไปมาระหว่างอากงอาม่าและหลานคนนี้ และยังมีมุมน่ารัก ๆ ของความสัมพันธ์ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ทำให้ทุกคนที่ได้ชมคลิปต่างสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของ ‘บ้านหลังใหญ่’ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเบิร์ด

เมื่อได้เห็นถึงความน่ารักของเบิร์ดและอากงอาม่าในคลิป TikTok เราอดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้หลาน LGBTQ+ และอากงอาม่าวัยเกือบ 90 ปี ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนสามารถเข้าใจกันและกัน หยอกล้อพูดคุยกันอย่างสนิทสนมได้ แม้มีเรื่องของความต่างระหว่างวัยและเรื่องเพศหลากหลายเข้ามาเกี่ยวพัน เราจึงอยากให้ทุกคนได้ตามมาทำความรู้จักกับอากงวิภาส อาม่าไซ้เกียว และเบิร์ด ผ่านบทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่ารัก ๆ ที่จะทำให้เห็นถึงที่มาของมุมมองความคิดที่เปิดกว้างของอากงอาม่าและหลาน ความคิดที่ทำให้ความต่างวัยนั้นไร้ซึ่งช่องว่างและไร้ซึ่งระยะห่างสำหรับทุกคนในครอบครัวนี้

เพราะครอบครัวคือ ‘พลังใจ’

บรรยากาศในครอบครัวของเราเป็นยังไงบ้าง

เบิร์ด: ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งความอบอุ่นนี้ก็มีมาตั้งแต่รุ่นอากงอาม่า จากนั้นก็ส่งต่อมาสู่รุ่นป๊าม้า ตอนเด็ก ๆ เบิร์ดไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองผิดแปลกหรือแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในครอบครัวเลย เพราะทุกคนในบ้านดูแลเบิร์ดเป็นอย่างดี

สนิทกับอากงอาม่ามาตั้งแต่เด็กเลยรึเปล่า

เบิร์ด: สนิทค่ะ แต่จะมีช่วงที่เบิร์ดไปเรียนมหาวิทยาลัย ช่วงนั้นก็จะค่อนข้างห่างกัน แต่พอหลังเรียนจบเบิร์ดก็กลับมาอยู่บ้าน ได้เจออากงอาม่าตามปกติ บ้านเราก็จะมีกินข้าวรวมตัวกันทุกสัปดาห์

อากงอาม่ามีหลานเยอะมาก ทำยังไงให้ทุกคนในครอบครัวสนิทกัน

อากง: อากงมีหลานหลายคน สนิททุกคนเลย เพราะว่าอากงอยากไปเจอหน้าเขา อากงแก่แล้ว อากงพาเขาไปกินข้าวไปเที่ยวไม่ได้ แต่ลูก ๆ หลาน ๆ ก็คอยดูแลอากง วันนี้ไปกินนี่วันนี้ไปกินนู่น อากงไม่ค่อยชอบไปห้างเพราะเดินลำบาก ก็ซื้อมากินที่บ้านด้วยกัน สบายใจ 

อาม่า: บ้านเราคุยกันได้ทุกคน เพราะว่าเวลาลูกหลานไปไหนก็จะมาบอกอาม่าว่าจะไปแล้วนะ เดี๋ยวมา ๆ อาม่าก็ถามไปว่า ที่ลื้อบอกว่าเดี๋ยว คือกี่โมง (หัวเราะ) มีอะไรก็บอกกัน บางครั้งเขาไม่ได้มาบอก อาม่าก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกก็ได้ ไม่บอกก็ได้ อยู่กันง่าย ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาเกลียดกัน

เบิร์ด: เบิร์ดว่าความสนิทในครอบครัวเรามันเกิดจากรุ่นอากงอาม่าที่สร้างไว้ ครอบครัวเราจะมีการรวมตัวกัน เจอกันทุกสัปดาห์ สร้างสัมพันธ์ในครอบครัว บางครอบครัวที่เป็นครอบครัวใหญ่ หลาน ๆ อาจจะไม่รู้จักกัน แต่วิธีของอากงอาม่าคือต้องทำให้ลูกหลานได้รู้จักกัน เวลาไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันทั้งหมด ทำให้เราสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กจนโต

แล้วเริ่มทำ TikTok กับอากงอาม่าตั้งแต่เมื่อไหร่

เบิร์ด: เบิร์ดเป็น content creator อยู่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งที่บ้านเราไปเที่ยวด้วยกันทั้งบ้าน เหมือนกับเป็นการรวมตัว อากงอาม่าก็ไปด้วย แต่ว่าด้วยความที่บ้านเรานั่งรถไปสองคัน ก็เลยเกิดการเข้าใจผิดว่าอากงไปคันนู้น อีกคันหนึ่งก็นึกว่าอากงนั่งคันนี้ ก็เลยลืมอากงไว้ที่บางปู (หัวเราะ) คนก็เข้ามาดูเยอะมาก แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเวลาเราพาอากงอาม่าไปเที่ยวไปกินข้าวก็คือความสุขของเรา เราก็เลยทำมาเรื่อย ๆ 

แต่วันนั้นอากงก็ดูไม่โกรธเลย

อากง: อากงไม่โกรธหรอก ไม่รู้จะโกรธไปทำไม เพราะยังไงเขาก็ต้องวนรถมารับอากง

เบิร์ด: อากงอาม่าเป็นคนอารมณ์ดี

แสดงว่าอากงอาม่าก็ไม่ค่อยโกรธลูกหลาน

อาม่า: ไม่โกรธ อาม่าไม่โกรธลูกหลาน ไม่เคยด่า 

อากง: ไอ้การที่ด่าเด็ก ๆ บ้านเราไม่ด่า แต่ทำไปทำมาเราก็เผลอไปบ้าง ก็มีดุนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ว่าเราไม่เคยโกรธแล้วด่ากัน ด่ากันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา คุยกันดี ๆ ดีกว่า

อากงอาม่าได้ถ่าย TikTok กับหลานรู้สึกยังไงบ้าง

อากง: (หัวเราะ) ธรรมดา ๆ 

อาม่า: เขิน ตอนนี้ก็ยังเขินอยู่ แต่หลานเรียกมาถ่ายก็ต้องถ่าย วันนั้นที่อากงหล่นที่บางปู (ลืมอากงไว้ที่บางปู) วันต่อมาก็มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่บ้านว่าทำไมทำอากงหล่น

เบิร์ด: ดีที่อากงเป็นคนอารมณ์ดี ถ้าเป็นบางบ้านก็ไม่น่าเหลือ (หัวเราะ)

อากง: วันนั้นเด็ก ๆ หัวเราะกันจนแทบขับรถไม่ได้เลย เพราะว่าไม่เคยเจอแบบนี้ไง เพิ่งลืมครั้งแรก วันนั้นไปเที่ยวบางปู อากงก็ออกมา มีรถสองคัน คันนี้ก็นึกว่าอากงขึ้นคันนู้น คันนู้นก็นึกว่าอากงขึ้นคันนี้ ก็ขับออกไปเลย อากงไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป ติดต่อเขาไม่ได้ ก็คิดว่าเขากำลังจะไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพอไปถึงร้านเขาก็รู้เองว่าลืมอากงไว้นี่ ยังไงก็ต้องกลับมารับแน่นอน อากงไม่รู้จะโกรธไปทำไม มันผิดพลาดกันได้ แต่ไม่ใช่ว่าลืมแค่ครั้งเดียวนะ ก่อนหน้านี้มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นั่งรถไป ลูกสาวก็ขับไป ทีนี้เขาก็จอดรถลงไปซื้อกาแฟ อากงก็ไปเข้าห้องน้ำ 

อาม่า: ลูกสาวก็ซื้อกาแฟมาให้ พออาม่าดูดเสร็จก็ยื่นไปเบาะข้างหลัง ‘อะพ่อมึง กินกาแฟ’ อ้าว หายไปไหน 

อากง: ทิ้งอากงไว้สองครั้งแล้ว

หลังจากที่ได้ทำ TikTok กับอากงอาม่าแล้ว ผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง

เบิร์ด: หลังจากที่เบิร์ดทำคลิปกับอากงอาม่า มีคนเข้ามาคอมเมนต์บอกว่าดูแล้วคิดถึงคุณปู่คุณย่าจัง ดูแล้วคิดถึงอากงอาม่าตัวเองมาก ๆ เลย เบิร์ดรู้สึกว่าเบิร์ดได้เป็นอีกแรงหนึ่งที่ทำให้เขาได้นึกถึงครอบครัว และทำให้เขาอยากกลับไปใช้เวลากับคนในครอบครัวที่รอเขาอยู่ นี่ก็เป็นเหมือนแรงที่ทำให้เบิร์ดมีความสุข ได้ใช้เวลากับอากงอาม่ามากขึ้น ถ้าเบิร์ดทำแต่งานของเบิร์ดแล้วอากงอาม่าอยู่ที่บ้านทุกวัน เขาอาจจะเหงา ไม่ได้ใช้เวลากับหลาน แต่พอเบิร์ดทำ TikTok เบิร์ดได้ใช้เวลากับอากงอาม่ามากขึ้น ได้พาเขาไปทำกิจกรรม ทำให้เขาไม่เหงา ไม่เบื่อ

วันที่อากงอาม่าเริ่มเรียกคุณเบิร์ดว่าอาเจ๊ คุณเบิร์ดรู้สึกยังไง

อากง: ดีใจ ชอบใจ

เบิร์ด: ใช่ ดีใจ (หัวเราะ) ขนาดอากงอาม่าอายุมากที่สุดในบ้านก็ยังยอมรับเบิร์ด เรียกเบิร์ดว่าอาเจ๊ มันเหมือนกับเป็นพลังใจให้เบิร์ด เขายอมรับในตัวตนของเบิร์ดได้ เขารู้ว่าสิ่งที่เบิร์ดชอบและสิ่งที่เบิร์ดเป็น มันคือตัวเบิร์ด เบิร์ดไม่เคยคัมเอาท์กับครอบครัวเลย แต่พอเบิร์ดเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เริ่มไว้ผมยาว แต่งตัวเป็นผู้หญิง อากงอาม่าก็เริ่มเรียกเบิร์ดว่าอาเจ๊เอง

คุณเบิร์ดรับมือกับเสียงของคนรอบตัวที่ไม่ใช่คนในครอบครัวยังไงบ้าง

เบิร์ด: ต้องยอมรับว่าความลำบากในช่วงแรก ๆ สำหรับเบิร์ดคือการหาตัวตนของตัวเองแล้วก็กังวลว่าคนอื่นจะชอบเรารึเปล่า จะยอมรับได้รึเปล่า แต่เอาจริง ๆ เบิร์ดพยายามที่จะไม่แคร์คนอื่น แต่แคร์คนในครอบครัว เพราะเบิร์ดรู้สึกว่าที่บ้านยอมรับเบิร์ดได้ ยอมให้เบิร์ดเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ บ้านคือพื้นที่ของเบิร์ด คนในครอบครัวคือแบตเตอรี่ของเบิร์ด เขาเติมพลังให้เบิร์ดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ 

การที่ทุกคนในบ้านยอมรับในตัวเรามีความสำคัญยังไงบ้าง

เบิร์ด: มันเป็นเหมือนพลังใจที่ทำให้เบิร์ดกล้าแสดงออก มั่นใจในตัวเอง เป็นในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วเบิร์ดก็จะสามารถแบ่งพลังใจที่เบิร์ดมีให้กับคนรอบข้างด้วย เหมือนกับว่าครอบครัวเบิร์ดหล่อหลอมให้เบิร์ดได้เป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์

แม้ต่างวัยก็พร้อมเข้าใจกัน

มุมมองที่อากงอาม่าและคุณเบิร์ดมีต่อ LGBTQ+ 

อากง: ต่อให้ไม่ใช่หลาน อากงก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คนมันเป็นอยู่แล้ว เราก็ต้องสนับสนุนเขา อย่าไปติดยา อย่าไปเป็นโจร เท่านี้ก็เรียกว่าใช้ได้ ส่วนเบิร์ดเขาเป็นลูกหลานของเรา ยังไงเราก็ต้องชอบ ยังไงเราก็ต้องรัก เพราะเขาเป็นมาแล้ว จะเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย ขอแค่ไม่ติดยาเสพติด ไม่เป็นอันธพาลก็ใช้ได้ ทำมาหากิน ขยันเล่าเรียน ยังไงก็รักเหมือนกัน อากงมีหลาน 14 คน รักทุกคนเหมือน ๆ กัน 

อาม่า: ตอนแรก ๆ อาม่าก็ไม่ชอบ แต่เขาเป็นขึ้นมาแล้ว ถ้าเขาชอบแบบนี้เราก็ต้องชอบ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาตีหรือมาด่าเขา อาม่าไม่เคยทำ ถ้าเขาชอบเราก็ตามใจเขา ชอบแบบนี้ก็เป็นแบบนี้ไป แต่ขอให้ขยันหน่อย ขยันทำมาหากิน มีงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำก่อน แล้วมันจะเติบใหญ่ได้ 

เบิร์ด: ในความเห็นเบิร์ด เบิร์ดรู้สึกว่าในปัจจุบันนี้ทุกคนให้ความเท่าเทียมมากขึ้น ไม่ว่าจะวัยไหนหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เบิร์ดรู้สึกว่าตอนนี้เบิร์ดเป็นตัวเองได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่อาจจะติดที่เรื่องกฎหมายอยู่บ้าง อย่างสมรสเท่าเทียม เบิร์ดมองว่าด้วยความที่ผู้ใหญ่เป็นคนคุมกฎหมาย เราอาจจะต้องให้เวลาเขา จะให้เปลี่ยนปุบปับก็อาจจะยากหน่อย เพราะเขาก็ต้องใช้การทำความเข้าใจมากขึ้น ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปทีละขั้นตอน 

นิยาม ‘ความสำเร็จ’ ของอากงอาม่าและคุณเบิร์ด

อากง: อากงมีรถเยอะ พอมีรถคันแรก สักพักก็กลายเป็นสองคัน สองคันก็กลายเป็นสามคัน เพิ่มมาเรื่อย ๆ มันมาจากสิ่งที่อากงทำมาตลอด อากงไม่เล่นการพนัน ไม่ติดยา ไม่ติดเหล้า ที่ไหนมีงานก็ไม่เกี่ยงเวลา ไปทันที ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย เรียกเมื่อไหร่ไปเมื่อนั้น อาศัยว่าขยัน ประหยัด อากงก็เก็บเงินได้ ทำแบบนี้แล้วจะประสบความสำเร็จ

อาม่า: ตอนสาว ๆ ที่มีลูกแล้วแต่ยังไม่แก่ อาม่าตั้งใจว่าอยากให้ลูก ๆ โตขึ้นมา เรียนหนังสือเก่ง ๆ ได้งานที่ทำได้แล้วก็สบายหน่อย อาม่ามีลูกตั้ง 8 คน กว่าจะเลี้ยงจนโตไปทำงาน จนตอนนี้ลูกโตมามีครอบครัว มีงานทำ ก็มีเท่านี้แหละ นี่แหละความสำเร็จของอาม่า

เบิร์ด: เบิร์ดมองว่าแค่เราสามารถดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัวได้ และไม่เดือดร้อนใคร ถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นแรกของวัยเรา ถ้าเราดูแลตัวเองได้ทั้งเรื่องการเงิน การทำงาน ดูแลที่บ้านได้ ช่วยเหลือที่บ้านได้โดยไม่เดือดร้อนใคร ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว ภาพความสำเร็จของเบิร์ดคือ เบิร์ดอยากมีรายได้พอที่จะดูแลทุกคนในบ้านได้และช่วยเหลือผู้คนได้ตามที่ใจเราอยากทำ ตอนนี้อาจจะเพิ่งสำเร็จไปแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็กำลังพยายามไปให้ถึงจุดที่ตั้งไว้

คุณเบิร์ดกับอากงอาม่ามีความเหมือนกันในเรื่องอะไรบ้าง

เบิร์ด: เบิร์ดกับอาม่าชอบน้ำหอมเหมือนกันเลย

อากง: อากงไม่เคยใช้น้ำหอมเลยตั้งแต่เกิดมา

อาม่า: เคยสิ อั๊วฉีดให้ลื้อ

อากง: แต่ก็ไม่เคยฉีดเอง

แล้วอากงชอบน้ำหอมไหม

อากง: อากงก็ไม่ได้รังเกียจ แต่ว่าฉีดก็ได้ ไม่ฉีดก็ได้

เบิร์ด: ไม่รังเกียจเพราะอาม่าเป็นคนฉีดไง แล้วพออาม่าฉีดให้ อากงชอบไหม

อากง: ไม่รู้สิ

อาม่า: ทำไมไม่รู้ ก็อยู่ที่เสื้อลื้อ (หันไปเอ็ดอากงก่อนจะกลับมาคุยกับเราต่อ) อากงจะใส่เสื้อตัวไหนอาม่าก็ฉีดให้ทุกตัวนั่นแหละ น้ำหอมอั๊วแพงด้วย ฉีดแล้วไม่รู้ได้ยังไง 

อากง: อาม่าไม่ค่อยได้ซื้อเองหรอก หลาน ๆ เขาซื้อมาให้ 

อาม่า: น้อยไปสิ (หัวเราะ)

สิ่งที่ชอบในตัวกันและกัน

อากง: ชอบทุกอย่าง 

อาม่า: อาม่าชอบหลานทุกคน รักทุกคน

เบิร์ด: สำหรับเบิร์ด อากงอาม่าคนอื่นอาจจะไม่ยอมเปิดใจรับอะไรใหม่ ๆ ซึ่งเบิร์ดก็เข้าใจนะเพราะอายุเขาก็เยอะแล้ว แล้วสังคมในยุคเขาก็ไม่ได้เปิดกว้างเท่ายุคพวกเรา แต่สำหรับอากงอาม่าของเบิร์ด เบิร์ดรู้สึกว่าทั้งสองคนคือที่สุดเลย 

ทั้งอากงอาม่าและหลานมีความคิดที่ค่อนข้างแตกต่างกัน มีวิธีทำความเข้าใจกันและกันยังไงบ้าง

อากง: ถ้าเขาชอบเที่ยวค่ำ ๆ มืด ๆ ก็อย่าไปห้าม แค่นี้เขาก็รักเราแล้ว (หัวเราะ) กลับมาตีหนึ่งตีสองก็ไม่ว่า แต่ต้องนาน ๆ ทีนะ ถ้ากลับดึกทุกวันก็ไม่ดี หรือถ้ามีธุระก็ไม่เป็นไร ก็ต้องคุยกันถึงจะเข้าใจกัน ปล่อย ๆ ไปบ้าง ไม่ด่ากัน แต่บางทีอากงตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสอง เขาก็ยังไม่นอนนะ

อาม่า: นั่งแต่งตัวอยู่

อากง: อันนี้ไม่ดี ต้องนอนไว ๆ หน่อย ถ้านอนก่อนเที่ยงคืนก็ดี ค่อยยังชั่วหน่อย

แต่อากงอาม่าก็เข้าใจหลาน

อากง: เข้าใจ มันติดไปแล้วนี่ 

อาม่า: ติดนอนดึก ตื่นสาย ถ้าพูดไม่เชื่อก็ให้นอนดึกไป บางทีเขาก็นั่งแต่งหน้าไป แต่งดึก ๆ ไม่รู้แต่งให้ใครดู 

แต่ความจริงอาม่าไม่อยากให้เขานอนดึก แต่พูดแล้วเขาไม่เชื่อ อาม่าก็ไม่พูด เราจะได้ไม่ทะเลาะกัน

เบิร์ด: เบิร์ดรู้ว่ามีบางอย่างที่เขาไม่ชอบ เบิร์ดก็จะพยายามเลี่ยง หรือไม่ก็พยายามหาตรงกลางมาต่อรองบ้าง หรือบางเรื่องก็ไม่ทำเลย

คิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ครอบครัวเป็น ‘ครอบครัวที่อบอุ่น’

เบิร์ด: สิ่งสำคัญในครอบครัวคือความรัก เพราะความรักจะช่วยให้เราปรับความเข้าใจกันได้ในทุกเรื่อง

อากง: พี่น้องกันต้องรักกัน ลูกหลานต้องรักกัน มีอะไรก็คุยกันดี ๆ อย่าถือสากัน บรรยากาศในบ้านจะได้สดชื่น ทุกคนในครอบครัวคุยกัน อย่างนี้ก็เรียกได้ว่าครอบครัวดี ถ้ามีคนทำอะไรไม่ดี ค่อย ๆ คุยกันเดี๋ยวก็ดีกันเอง อย่างนี้สิถึงจะสดชื่น

อาม่า: ก็เหมือนกับที่อากงบอกนั่นแหละ

บทสนทนาในร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเป็น ‘บ้าน’ อากงเล่าเรื่องราวในอดีตให้พวกเราฟังและสลับบทบาทสัมภาษณ์พวกเรากลับบ้างเป็นครั้งคราว มีเสียงหัวเราะของอากงอาม่าพร้อมลูกหลานที่มาคอยเอาใจช่วยดังขึ้นเป็นระยะ เสียงของอากงที่คอยหยอกล้อหลาน ๆ ภาพของอาม่าที่พูดคุยกับอากงอย่างสนิทสนมโดยมีหลาน ๆ คอยช่วยอธิบายคำถามให้อากงอาม่าฟัง ทำเอาเรายิ้มตามไปกับภาพความอบอุ่นของครอบครัวที่อยู่ตรงหน้า และเข้าใจได้ในทันทีว่าความหมายของ ‘พลังใจ’ ที่เบิร์ดบอกนั้นเป็นอย่างไร

เพราะภาพที่อยู่ตรงหน้าเราในตอนนี้คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว


Writer

Avatar photo

ณัฐนรี บัวขม

มีชีวิตอยู่เพื่อดูคลิปตลก คีบตุ๊กตา และเดินหาร้านอร่อยในย่านบรรทัดทอง

Photographer

Avatar photo

ฉัตรมงคล รักราช

ช่างภาพ และนักหัดเขียน

Illustrator

Avatar photo

พรภวิษย์ เพ็งเอียด

ชอบกินเนื้อต้มและตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ปีละสามเล่ม

Related Posts