ท่ามกลางสื่อมากมายที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘หนังสือ’ ยังคงเป็นสื่อคลาสสิกที่แม้ความนิยมจะลดลงบ้างตามกาลเวลา แต่คุณค่าของหนังสือกลับไม่เคยลดน้อยลง เพราะสิ่งที่หนังสือมอบให้กับเรา ไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ โดยเฉพาะคุณประโยชน์ของหนังสือที่มีต่อเด็กๆ
หนังสือคือประตูที่พาเด็กออกไปรู้จักโลกกว้างใหญ่ โดยที่ไม่ต้องเดินทาง พวกเขาสามารถเรียนรู้ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องกลุ่มดาวอันไกลโพ้นในกาแล็กซี หนังสือเป็นแหล่งคลังคำศัพท์มากมาย ช่วยส่งเสริมทักษะทางภาษา และการคิดวิเคราะห์ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมคุณค่าของหนังสือไม่เคยลดลงตามกาลเวลา ไม่ว่าหนังสือจะมาในรูปแบบใดก็ตาม
เมื่อพูดถึงหนังสือ หลายคนย่อมนึกถึงหนังสือที่มีตัวอักษรมากมาย แต่นอกจากหนังสือที่เต็มไปด้วยตัวอักษรแล้ว ก็ยังมีหนังสืออีกประเภทหนึ่ง ที่แม้ว่าจะมีตัวอักษรไม่กี่ตัว แต่ภาพต่างๆ ในหนังสือก็สื่อเรื่องราวแทนตัวอักษรได้เป็นอย่างดี หนังสือบางเล่มเต็มไปด้วยภาพที่มีรายละเอียดมากมาย บางครั้งก็ดูยุ่งเหยิง แต่เชื่อหรือไม่ว่า หนังสือก็คือหนังสือ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด ก็มีคุณค่าและประโยชน์มหาศาลต่อการสร้างตัวตนของเด็กๆ
ถึงแม้จะเป็นหนังสือที่ไม่มีเรื่องราว มีตัวอักษรแค่เล็กน้อย ทั้งหน้ากระดาษเต็มไปด้วยรูปภาพที่มีตั้งแต่รายละเอียดน้อยๆ ไปจนถึงรายละเอียดยิบย่อยชวนสับสน แต่หนังสือแบบนี้ก็มีประโยชน์ในตัวของมันเอง บทความนี้ ชวนผู้อ่านมาทำความรู้จัก หนังสือที่ไม่ได้มีไว้อ่าน แต่เป็นหนังสือที่สามารถต่อยอดทำกิจกรรมกับเด็กๆ ได้ไม่รู้จบ ที่เรียกกันว่า ‘Seek & Find Book’
หนังสือที่เต็มไปด้วยภาพแต่ไม่ใช่ ‘หนังสือภาพ’
เมื่อพูดถึงหนังสือนิทาน ทุกคนคงรู้จักกันดี ซึ่งนอกจากหนังสือนิทานที่มีเรื่องราวบรรยายและภาพประกอบแล้ว ก็ยังมีหนังสือนิทานอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เน้นภาพมากกว่าตัวหนังสือ หรือที่เราเรียกกันว่า หนังสือภาพนั่นเอง โดยพ่อแม่มักใช้ภาพสวยๆ ในหนังสือภาพเล่าเรื่องราวให้เด็กๆ ฟัง แต่สำหรับ Seek & Find Book ไม่ใช่หนังสือที่เสพความสวยงามของภาพเท่านั้น แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กๆ ฝึกสังเกต และมีส่วนร่วมค้นหาตามโจทย์ที่กำหนดไว้ โดยไม่ใช่แค่เพียงการดูรูปและฟังเรื่องราวที่อ่านให้ฟัง แต่เป็นการทำให้พวกเขากลายเป็นนักสำรวจ ที่ต้องค้นหาสิ่งของหรือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ภายในหน้าหนังสือด้วย
Seek & Find Book จึงอาจเรียกได้ว่า เป็นหนังสือที่ชวนให้เด็กๆ ทำกิจกรรมค้นหาสิ่งของที่ซ่อนอยู่ในภาพ โดยอาจมาในธีมของสถานที่ต่างๆ เช่น บ้านแสนสุข ให้เด็กๆ สำรวจค้นหาสิ่งของต่างๆ ในบ้าน หรือธีมแลนด์มาร์คสำคัญของโลก ที่แต่ละหน้าหนังสือเป็นฉากของแลนมาร์คแต่ละแห่ง เช่น ภาพหอไอเฟล ที่เต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ ทั้งที่เห็นเด่นชัด หรือซ่อนอยู่ในมุมต่างๆ ของภาพ โดยมีโจทย์ระบุว่าอให้ค้นหาสิ่งใดในหน้านั้นๆ บ้าง เมื่อพลิกหน้ากระดาษ ก็อาจเป็นภาพของกำแพงเมืองจีน ที่มีสิ่งต่างๆ ซ่อนไว้ให้เด็กๆ ได้ค้นหา ซึ่ง Seek & Find Book โดยทั่วไป เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี แต่เด็กเล็กกว่านี้ก็สามารถสนุกกับหนังสือประเภทนี้ได้ โดยมีพ่อแม่คอยชี้ชวนให้ดูรูปภาพหลากหลายในหนังสือและพูดคุยกับลูก หรือสำหรับเด็กโตก็อาจสนุกสนานกับ Seek & Find Book ที่มีรายละเอียดและความท้าทายที่เพิ่มขึ้นตามวัยได้เช่นกัน
ความต่างประการหนึ่งที่เห็นได้ชัดระหว่าง หนังสือภาพและ Seek & Find Book คือวัตถุประสงค์ของหนังสือ กล่าวคือ หนังสือภาพมีวัตถุประสงค์ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ให้เด็กๆ ได้ใช้จินตนาการดื่มด่ำไปกับภาพที่สวยงาม และเนื้อเรื่องที่สอดคล้องกัน แต่สำหรับ Seek & Find Book มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกทักษะการสังเกต การจำแนก การจับคู่ และการนับผ่านกิจกรรมค้นหา ที่ไม่เพียงสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม แต่ยังตื่นเต้น และสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขกับหนังสือได้ไม่น้อยไปกว่าหนังสือประเภทอื่นๆ
ขณะที่หนังสือภาพจะบอกเด็กๆ อย่างตรงไปตรงมาด้วยภาพและคำศัพท์อธิบายภาพเหล่านั้น แต่ Seek & Find Book เพิ่มความสนุกและการมีส่วนร่วมมากขึ้น ด้วยการชวนเด็กๆ ให้เข้าไปสำรวจเรื่องราวหรือฉากต่างๆ แทนที่จะเป็นเพียงผู้ดู การมีส่วนร่วมแบบนี้ ช่วยสร้างความผูกพันลึกซึ้งกับหนังสือ และปลูกฝังความรักในการอ่าน โดยเปลี่ยนการอ่านให้กลายเป็นการผจญภัยที่ท้าทายและสนุกสนาน
Seek & Find Book ความสนุกที่มีประโยชน์
Seek & Find Book อาจเป็นทางออกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง ที่กำลังมองหากิจกรรมให้เด็กๆ ทำผ่านหนังสือ เพราะการค้นหาสิ่งต่างๆ ในภาพนั้น เป็นเกมที่เล่นได้ง่ายๆ กับเด็กแทบทุกวัย เด็กๆ ไม่จำเป็นต้องอ่านออก เขียนได้ แต่ก็สามารถทำกิจกรรมค้นหาสิ่งของในหนังสือแสนสนุกนี้ได้
สำหรับเด็กเล็ก หนังสือ Seek & Find ง่ายๆ เช่น การหาสีหรือรูปทรงพื้นฐาน จะช่วยเริ่มต้นพัฒนาทักษะการสังเกต ส่วนเด็กที่โตขึ้น สามารถท้าทายตัวเองด้วยหนังสือที่มีภาพประกอบซับซ้อนและภารกิจที่ยากขึ้น ความหลากหลายของระดับความยากทำให้หนังสือประเภทนี้สามารถใช้ได้กับเด็กหลากหลายวัย ช่วยสร้างความสนุกและเสริมทักษะในขณะที่พวกเขาเติบโตและพัฒนา
แม้จะเป็นหนังสือที่ไม่มีคำศัพท์หรือตัวอักษรมากนัก แต่ Seek & Find Book ส่งเสริมการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ให้กับเด็กๆ ได้ เพราะขณะที่เล่น Seek & Find Book โดยไม่รู้ตัวพ่อแม่มักเน้นย้ำชื่อของสิ่งที่ลูกต้องค้นหาซ้ำๆ เช่น“หาแมวเหมียวสีส้มค่ะ ลูกเห็นแมวสีส้มไหม แมวสีส้มอยู่ตรงไหนเอ่ย” ลูกได้ยินคำว่า ‘แมวสีส้ม’ ขณะที่สายตาก็สำรวจภาพตรงหน้าเพื่อค้นหา ทำให้เด็กฝึกการจดจำคำศัพท์และเชื่อมโยงคำเหล่านั้นกับสิ่งที่เห็น ยิ่งค้นหามากเท่าไรก็ยิ่งเรียนรู้และจดจำคำศัพท์ได้มากเท่านั้น
หนังสือ Seek-and-find มักมีรายการคำของสิ่งที่ต้องค้นหา แม้เด็กๆ จะยังอ่านไม่ออก และมีพ่อแม่ช่วยอ่านให้ แต่การได้เห็นตัวอักษรผสมกัน กลายเป็นคำเรียกของสิ่งที่ค้นหาในภาพ ก็ทำให้เด็กๆ เชื่อมโยงความหมายของตัวอักษรกับรูปภาพได้ พ่อแม่อาจชวนลูกอ่าน หรือสะกดคำให้ลูกฟังก่อนค้นหา ซึ่งการสะกดคำเหล่านี้เป็นวิธีที่ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กๆ ให้เรียนรู้เรื่องตัวอักษรและเสียงในแบบธรรมชาติ
Seek & Find Book บางเล่ม อาจทำรายการค้นหาด้วยคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน เช่น รายการค้นหาที่ขึ้นต้นด้วยตัว A เท่านั้น เช่น Apple, Airplane, Ant ฯลฯ เมื่อพลิกหน้าถัดไป ก็เป็นรายการที่ขึ้นตัวด้วยอักษร B วิธีนี้ทำให้เด็กๆ สนุกและเรียนรู้คำศัพท์ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
นอกจากนี้ Seek & Find Book ยังช่วยเตรียมสายตาของเด็กๆ ให้พร้อมสำหรับการอ่านหนังสืออีกด้วย เพราะการค้นหาสิ่งต่างๆ จำเป็นต้องใช้ความสามารถในการแยกแยะความเหมือน หรือความต่างของวัตถุตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป(Visual Discrimination) โดยอาจวิเคราะห์จากสี ขนาด รูปร่าง เป็นต้น เมื่อเด็กๆ ต้องค้นหา ‘แมวสีส้ม’ พวกเขาอาจพบเจ้าตูบสีส้ม หรือ แมวสีน้ำตาล ทำให้ต้องสังเกตอย่างละเอียด ซึ่งการใช้สายตาลักษณะนี้ เหมือนกับการใช้สายตาสังเกตตัวอักษรและคำในการอ่านหนังสือ พ่อแม่อาจสอนให้ลูกชี้มือลงบนภาพ แล้วลากนิ้วจากซ้ายไปขวาพร้อมกวาดสายตามองภาพอย่างละเอียดเพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ ซึ่งการลากนิ้วและกวาดสายตาตาม ก็เป็นสิ่งที่นักหัดอ่านส่วนใหญ่ทำเช่นกัน
สิ่งที่อาจเป็นข้อเสียเปรียบของ Seek & Find ก็คือ เด็กๆ อาจหมดความสนใจหนังสือประเภทนี้ เมื่อค้นหาสิ่งต่างๆ ตามรายการที่ระบุไว้ได้หมดแล้ว พ่อแม่สามารถยืดเวลาให้หนังสือ Seek & Find ยังคงน่าค้นหาต่อไป ด้วยการชวนให้ลูกค้นหาสิ่งอื่นๆ ที่มีในภาพ แม้จะไม่ได้ระบุไว้ในรายการค้นหา เช่น รายการค้นหาอาจมี 10 อย่าง แต่พ่อแม่อาจลองสำรวจในภาพ และชวนให้ลูกค้นหาสิ่งอื่นๆ ต่อไป อาจแนะนำให้ลูกชวนสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา ลองค้นหาสิ่งต่างๆ ในหนังสือดูบ้าง โดยให้เด็กๆ มีหน้าที่นำกิจกรรมและให้คำใบ้ เช่น สังเกตใต้บันไดสิ หรือ บนสายรุ้งนั้นเห็นอะไรไหม วิธีนี้ทำให้เด็กๆ ได้ฝึกการสื่อสารและเรียนรู้เรื่องการบอกตำแหน่งและสถานที่อีกด้วย
แม้ Seek & Find Book จะไม่ใช่หนังสือที่เต็มไปด้วยตัวอักษร แต่ก็สามารถปูพื้นฐานให้เด็กๆ รักการอ่านได้ เพราะทุกครั้งที่พวกเขาได้ใช้เวลาอย่างสนุกสนานกับพ่อแม่ ค้นหาสิ่งของที่ซ่อนอยู่ในภาพ และตื่นเต้นกับการค้นพบใหม่ๆ ก็เปรียบเสมือนการค้นพบศักยภาพในตัวเองเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ พร้อมกับสัมผัสถึงความสุขที่เกิดจากการพลิกหน้าหนังสือและสำรวจหนังสือไปพร้อมๆ กัน
ช่วงเวลาเหล่านี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างพัฒนาการทางปัญญา แต่ยังเป็นช่วงเวลาอันล้ำค่า ที่ช่วยหล่อหลอมความสัมพันธ์และความทรงจำอันงดงามระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เพราะแม้เป้าหมายของการอ่าน หรือทำกิจกรรมผ่านหนังสือ คือการปลูกฝังทักษะรักการอ่าน แต่ระหว่างทางไปสู่เป้าหมายนั้น ก็สำคัญไม่แพ้กัน และการทำกิจกรรมผ่าน Seek & Find Book ก็สามารถจุดประกายการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านและสานสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกให้คงอยู่ตลอดเส้นทางแห่งการเติบโตของเด็กๆ ได้