Brain-based Learning – เรียนรู้ จดจำ ผ่านการลงมือทำจริงบนพื้นฐานพัฒนาการของสมอง

  • การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง หรือ BBL (Brain-based Learning) เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของสมอง โดยคำนึงถึงพัฒนาการของสมองในแต่ละช่วงวัย เพราะสมองของเราจะมีความยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • สมองของเราปรับตัวและเรียนรู้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Neuroplasticity ซึ่งเป็นความสามารถของสมองในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ประสาทและการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท
  • เรเนต นัมเมลา เคน และ จอฟฟรี เคน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้สรุปว่าผู้เรียนจะมีความจำและความเข้าใจในหัวข้อต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ที่เน้นการใช้สมอง โดยทั้งสองได้เสนอหลักการพัฒนาสมอง 12 ประการ เพื่อช่วยให้ผู้สอนเข้าใจถึงกระบวนการการเรียนรู้ของสมอง

การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง หรือ BBL (Brain-based Learning) คือ การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของสมอง โดยคำนึงถึงพัฒนาการของสมองในแต่ละช่วงวัย เพื่อที่จะสามารถออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและดึงศักยภาพของผู้เรียนออกมาได้อย่างเต็มที่

ภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/8364641/

สมองปรับตัวอย่างไรเมื่อเกิดการเรียนรู้

สมอง เป็นอวัยวะที่สำคัญและซับซ้อนที่สุดในร่างกายของเรา การเรียนรู้เกิดขึ้นในสมองผ่านการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท สมองของเราปรับตัวและเรียนรู้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Neuroplasticity ซึ่งเป็นความสามารถของสมองในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเซลล์ประสาทและการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาท เพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอก และเพื่อปรับปรุงการทำงานของสมองตามประสบการณ์และการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา โดยสมองสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทได้ตลอดชีวิต แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของระบบประสาทที่สอดคล้องกับความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ของมนุษย์

หลักการพัฒนาสมอง 12 ประการ

เรเนต นัมเมลา เคน และ จอฟฟรี เคน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้สรุปว่าผู้เรียนจะมีความจำและความเข้าใจในหัวข้อต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ที่เน้นการใช้สมอง โดยทั้งสองได้เสนอหลักการพัฒนาสมอง 12 ประการ ดังนี้

  • สมองมีระบบการเรียนรู้ที่ซับซ้อนมากเพราะแต่ละระบบในร่างกายต่างมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน สมองจะต้องทำการเรียนรู้แต่ละระบบ พร้อมกับทำหน้าที่ควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกาย
  • สมองเรียนรู้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติและลงมือทำ หรือที่เรียกว่าประสบการณ์ตรง
  • สมองจะแสวงหาความหมายความเข้าใจจากประสบการณ์ในชีวิตตลอดเวลา 
  • สมองมีการจัดหมวดหมู่แบบแผนในสิ่งที่เรียนรู้ 
  • อารมณ์มีส่วนสำคัญในการเรียนรู้ และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ 
  • กระบวนการทางสมองจะเกิดการเรียนรู้พร้อมกัน ทั้งในส่วนที่เป็นภาพรวมและในส่วนย่อย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้สมองทั้งสองซีกคือซีกซ้ายและซีกขวาได้ทำงานพร้อม ๆ กัน
  • การเรียนรู้ของสมองจะเกิดจากทั้งการตั้งจุดสนใจเรื่องที่จะศึกษาและเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่มิได้ตั้งใจศึกษา
  • สมองจะมีกระบวนการเรียนรู้ในขณะที่รู้ตัว (มีจิตสำนึก) และในขณะที่ไม่รู้ตัว (จากจิตใต้สำนึก)
  • สมองมีรูปแบบการจดจำอย่างน้อย 2 แบบ คือการจดจำแบบเชื่อมโยงมิติ/ระยะ ซึ่งบันทึกประสบการณ์ประจำวันของเรา ประสบการณ์ตรงที่เราได้เผชิญ และความจำแบบท่องจำ ซึ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและทักษะแบบแยกส่วน 
  • การเรียนรู้ของสมองเป็นไปตามพัฒนาการ
  • การเรียนรู้ที่ซับซ้อนในบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่ท้าทายจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ส่งผลดีต่อผู้เรียน บรรยากาศที่เครียดและกดดันจะเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้
  • สมองของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัว และมีความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน

หลักการพัฒนาสมอง 12 ประการข้างต้น เป็นหลักการที่จะช่วยให้ผู้สอนเข้าใจถึงกระบวนการการเรียนรู้ของสมองได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งผู้สอนยังสามารถนำไปปรับใช้กับการจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้เรียน รวมถึงใช้ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ผู้เรียนและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ได้อีกด้วย

ภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/8923078/ 

เตรียมความพร้อมให้ผู้เรียน

เมื่อเริ่มใช้การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง ผู้เรียนจะต้องพร้อมสำหรับการเรียนรู้อย่างอิสระ กิจกรรมการเรียนรู้ต้องตอบสนองความต้องการทางสรีรวิทยาและอารมณ์ของเด็ก และช่วยพัฒนาทักษะการฟังและสมาธิของเด็กให้ดียิ่งขึ้น โดยผู้สอนอาจเริ่มจากขั้นตอนต่อไปนี้

  • จัดระเบียบห้องเรียนโดยคำนึงถึงกระบวนการเรียนรู้ที่ใช้สมองเป็นหลัก เช่น ตกแต่งห้องเรียนด้วยการ์ด กระดาษหลากสี และ mind map
  • ศึกษาและค้นคว้าวิธีที่ผู้เรียนสนใจ
  • สอนทักษะการจัดการเวลาและสมาธิ
  • ใช้การสื่อสารด้วยความรักและการเอาใจใส่ผู้เรียน

ประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง

เสริมสร้างสุขภาพร่างกาย

การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง ช่วยส่งเสริมสุขภาพและช่วยให้ผู้เรียนได้ออกกำลังกาย เนื่องจากเป็นการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือทำกิจกรรม (active learning) เน้นการปฏิบัติจริงมากกว่าการท่องจำ

ช่วยพัฒนาอารมณ์ความรู้สึก

การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการคิด เสนอ และออกแบบกิจกรรมที่เหมาะกับตนเอง จะช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกดี รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เคารพและมองตนเองในแง่บวกมากขึ้น

เรียนรู้ที่จะให้ความร่วมมือ 

การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง ช่วยให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น ได้เรียนรู้วิธีให้ความร่วมมือและทำตามข้อตกลงร่วมกัน

เสริมสร้างความจำ

การจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมอง ช่วยให้ผู้เรียนจดจำได้ดียิ่งขึ้น เพราะผู้เรียนจะได้ทำความเข้าใจชุดข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบที่เหมาะกับการเรียนรู้ของสมอง 

นอกจากนี้ผู้สอนก็ยังได้รับประโยชน์จากการจัดการเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองด้วย เพราะผู้สอนจะมีกลยุทธ์ในการออกแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เนื่องจากผู้เรียนจะตอบสนองต่อการสอนและการเรียนรู้ในรูปแบบที่ต่างกันออกไป ทำให้ผู้สอนได้สังเกตและเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับผู้เรียน เก็บเกี่ยวประสบการณ์และเรียนรู้กลวิธีในการสอน ช่วยให้รับมือกับผู้เรียนที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่หลากหลายได้ดียิ่งขึ้น

อ้างอิง

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK557811/#:~:text=It%20is%20defined%20as%20the,traumatic%20brain%20injury%20(TBI).

https://www.okmd.or.th/bbl/about/bbl.php

https://lc.rsu.ac.th/weblog/11

https://www.edtechreview.in/dictionary/what-is-brain-based-learning/

https://www.waterford.org/education/brain-based-learning/

https://kidskonnect.com/articles/brain-based-learning/

https://www.education.sa.gov.au/docs/curriculum/tfel/tfel-resource-library/12_brain_mind_natural_learning_principles.pdf


Writer

Avatar photo

ณัฐนรี บัวขม

มีชีวิตอยู่เพื่อดูคลิปตลก คีบตุ๊กตา และเดินหาร้านอร่อยในย่านบรรทัดทอง

Illustrator

Avatar photo

พรภวิษย์ เพ็งเอียด

ชอบกินเนื้อต้มและตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ปีละสามเล่ม

Related Posts