- “เทศกาลแห่งความสุข” ช่วงท้ายปี อาจเป็นเทศกาลที่ทำให้คนที่เพิ่งอกหักนั้นทุกข์ยิ่งกว่าเดิม
- ผลสำรวจพบว่า ในฤดูหนาวโดยเฉพาะช่วงเทศกาลนั้นมีอัตราการเลิกกันของคู่รักสูงกว่าช่วงอื่น ๆ ของปี และยังมีผลสำรวจที่พบว่าอาการหัวใจวายจะเพิ่มขึ้นถึง 37% ในวันคริสต์มาสอีฟและในวันส่งท้ายปีเก่ามากกว่าวันอื่น ๆ และส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความเครียดและความอ่อนไหวทางอารมณ์
- แม้การอกหักในช่วงเทศกาลจะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้เราผ่านมันไปได้ โดยเริ่มจากการยอมรับว่าเราไม่จำเป็นต้องมีความสุขในช่วงเทศกาลแห่งความสุข
พอใกล้ช่วงเทศกาลปลายปีอย่างคริสต์มาสหรือส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เมื่อใด ก็จะต้องเห็นภาพของคู่รักเดินดื่มด่ำกับลมหนาว เสพความอบอุ่นของไฟประดับกับเพลงรักประจำเทศกาลที่เปิดคลอตามสถานที่ต่าง ๆ คอลเลกชันของขวัญถูกนำมาตั้งโชว์เรียงรายในร้านค้า ครอบครัวได้กลับมาเจอกันพร้อมหน้าในวันส่งท้ายปี
ทว่า “เทศกาลแห่งความสุข” บางครั้งก็เป็นเรื่องเศร้าของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนโสด คนที่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัว คนที่เพิ่งสูญเสียคนรัก หรือคนที่เพิ่งอกหักใหม่ ๆ การต้องเห็นคนรักกันก็เหมือนเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมให้หัวใจที่แตกสลายร้าวรานไปยิ่งกว่าเดิม
และอาการ “หัวใจสลาย” ก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะ โรคหัวใจสลาย หรือ Broken Heart Syndrome เกิดขึ้นได้จริง และมักเกิดจากความเสียใจ เศร้า ผิดหวัง อย่างรุนแรง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เกิดอาการแน่นหน้าอก หน้ามืด หอบเหนื่อย และภาวะหัวใจวาย มีรายงานว่า แนวโน้มที่จะเกิดอาการหัวใจวายนั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 37% ในวันคริสต์มาสอีฟและในวันส่งท้ายปีเก่ามากกว่าวันอื่น ๆ และส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความเครียดและความอ่อนไหวทางอารมณ์“มี “ความพร้อมหน้าพร้อมตา” เกิดขึ้นมากมายในช่วงเทศกาล เลยยิ่งตอกย้ำ “การพรากจาก” ที่คุณเพิ่งเจอให้ชัดเจนกว่าเดิม” แดเนียล ดาวลิง จิตแพทย์ในแคลิฟอร์เนีย ให้ความเห็น “ตอนที่ใครคนนั้นไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยกันในช่วงเวลานั้นของปีที่เรามักจะให้ความสำคัญกับการอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและร่วมฉลองไปด้วยกัน มันก็ยิ่งทำให้เกิดช่องว่างขึ้นทั้งในความคิดและในหัวใจ”
เป็นโสดหน้าหนาว
ทั้งที่เป็นช่วงเทศกาลแห่งความสุข แต่ผลสำรวจจากหลายแห่งระบุว่าอัตราการเลิกกันมักจะพุ่งสูงในฤดูหนาวโดยเฉพาะช่วงเทศกาล โดยคาดเดาสาเหตุได้ดังนี้
ความเครียดที่มาพร้อมกับเทศกาลแห่งความสุข
คู่รักบางคู่มักจะมีปัญหาค้างคามานานแล้ว แต่เมื่อต้องเจอกับความเครียดในช่วงเทศกาล ทั้งการต้องเตรียมของขวัญให้คนสำคัญ การต้องเคลียร์งานทุกอย่างเพื่อมีเวลาพักผ่อนในช่วงเทศกาล การต้องวางแผนใช้เวลาให้คุ้มค่าในช่วงวันหยุด ก็ยิ่งทำให้ผิดใจและทะเลาะกันได้ง่ายขึ้น
วันของครอบครัว
ในขณะที่หลายคนมองว่าเทศกาลแห่งความสุขคือการใช้เวลาไปกับคนรัก แต่บางครอบครัว เทศกาลแห่งความสุขคือวันของครอบครัว และคำว่าครอบครัวก็ไม่ได้รวม “แฟน” อยู่ในนั้น ธรรมเนียมที่ต่างกันของแต่ละครอบครัวจึงมักเป็นเหตุแห่งความขัดแย้ง นอกจากนั้น การได้มาอยู่กัน “พร้อมหน้าพร้อมตา” ในบางครั้งอาจทำให้คู่รักเพิ่งค้นพบว่าคนรักของพวกเขาเข้ากับครอบครัวไม่ได้ หลาย ๆ คนจึงเลือกตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการบอกเลิก
เจ็บแต่จบ
คู่รักที่มีความสัมพันธ์อันเป็นพิษมักจะเลือกวันส่งท้ายปีเป็นหมุดหมายแห่งการเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นการเลิกกันเพื่อ “สิ่งที่ดีกว่า” จึงมักเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลท้ายปี แต่ถึงแม้จะเลิกกันเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ความผูกพันและความทรงจำที่มีร่วมกันมาก็มักจะทำให้คู่รักที่เลิกกันด้วยเหตุผลนี้อดคิดถึงช่วงเวลาที่เคยมีกันและกันไม่ได้
เพราะอากาศมันหนาวอาการหนาว ๆ และบรรยากาศหม่นมัวอาจทำให้เกิด โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder) ซึ่งมักจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า เฉื่อยชา และอยากแยกตัวออกจากสังคม ในคู่รักที่มีเรื่องบาดหมางหรือระหองระแหงกันอยู่แล้ว การเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาลก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เลิกกันได้ง่าย ๆ
All I want for Christmas is (to survive without) you
แม้ช่วงเทศกาลจะเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปได้ยากในตอนที่เราอกหัก เพราะนอกจากจะต้องเห็นคนรักกันแล้ว ยังอาจต้องคอยตอบคำถามของคนอื่น ๆ ในงานรวมญาติ หรือมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความทรงจำมากมายในปีที่แล้วผุดพรายขึ้นมาเต็มไปหมด แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะผ่านมันไปไม่ได้ เพราะเทศกาลนี้ไม่ได้มีไวสำหรับคู่รักเท่านั้น เทศกาลแห่งความสุขยังเป็นโอกาสอันดีให้เราได้เข้าสังคม ได้เป็นผู้ให้และเป็นผู้รับ และอาจเป็นช่วงเวลาให้ได้พักสำรวจความพร้อมทั้งกายและใจของตัวเองหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งปี และนี่ก็คือวิธีที่จะทำให้คุณข้ามผ่านเทศกาลไปได้โดยไม่มี “เขา”
ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกแย่
ไอมี ฮาร์ตสไตน์ นักจิตวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า การรับรู้อารมณ์ตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และไม่จำเป็นต้องตั้งความคาดหวังกับตัวเองว่าคุณจะหลุดจากความเศร้าแล้วมามีความสุขกับคนอื่น ๆ เพียงเพราะมันเป็น “เทศกาลแห่งความสุข”
“ช่วงเทศกาลถูกทำให้เป็นอุดมคติมากไป โดยเฉพาะเมื่อมีสังคมออนไลน์ ทุกคนเลยดูราวกับว่ากำลังมีช่วงเวลาที่ดีกว่าความเป็นจริง แม้แต่คนที่เพิ่งเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็อาจจะรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอกับที่วาดฝันไว้ในวัยเด็กหรือจากที่เคยเห็นในหนังรักฮอลลีวูด” ดังนั้น หากรู้สึกแย่ ก็จงปล่อยให้ตัวเองรู้สึกแย่และไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรที่ไม่มีความสุข
จัดตารางชีวิตใหม่
หลาย ๆ คู่มักจะวางแผนที่จะใช้เวลาในช่วงวันหยุดไปกับคนรัก แต่เมื่อต้องเลิกกัน กิจกรรมที่เคยเขียนไว้แน่นปฏิทินก็กลายเป็นว่างเปล่า แต่คุณก็ยังสามารถทดแทนกิจกรรมที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำกับอดีตคนรักได้ด้วยการทำกิจกรรมอื่นที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น ใช้เวลากับเพื่อน ๆ และครอบครัว
“การทำตัวให้ยุ่งอยู่เสมอก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลาย ๆ คนในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะคนที่เพิ่งอกหัก” ดอว์น มิเชล นักจิตวิทยา กล่าว “นี่เป็นช่วงเวลาที่จะได้ร่วมกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ อย่างโยคะ หรือกิจกรรมอะไรก็ได้ที่คนโสดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคนอื่น ๆ ได้ ถ้าหากมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่คุณชอบอยู่ใกล้ ๆ ก็ไปเข้าร่วมได้”
หลีกเลี่ยงบทสนทนาที่ทำให้อึดอัด
ในช่วงเทศกาล คุณอาจต้องเจอญาติสนิทมิตรสหายหลายคน คำถามเรื่องคนรักของคุณจึงอาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่แทนที่จะต้องตอบคำถามนี้เป็นร้อยรอบ คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงการต้องตอบคำถามซ้ำ ๆ ได้โดยการบอกคนใกล้ตัวให้ช่วยกระจายข่าวเรื่องการเลิกราของคุณและคนรักให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ร่วมกัน
หากญาติ ๆ ของคุณยังคงยืนยันจะถามเรื่องนี้อีก คุณก็สามารถตอบไปตรง ๆ และทำให้บทสนทนาสั้นลงได้ แค็ก ยัง นักจิตวิทยา แนะนำว่า “คำตอบที่ดีที่สุดคือมองตาเขาอย่างเป็นมิตร แล้วบอกว่า “ขอบคุณจริง ๆ นะที่ถามและที่ห่วงใยฉัน แต่ถ้ามีคนที่ใช่จริง ๆ เข้ามาเมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมเปิดใจ” หรือหากการพูดคุยเรื่องนี้ทำให้คุณอึดอัด คุณก็สามารถเดินหนีออกมาได้เช่นกัน
งดเล่น social media“ถ้าใครยังคงก้าวข้ามการเลิกกันไม่ได้และยังจดจ่อกับเรื่องของแฟนเก่า การยังยึดติดกับความสัมพันธ์นั้นผ่าน social media ก็ยิ่งทำให้ก้าวผ่านมันไปได้ยากขึ้นและใช้เวลาเยียวยารักษาใจนานขึ้นด้วย” คอร์ทนีย์ วอร์เรน นักจิตวิทยาคลินิก แสดงความเห็นว่า การได้เห็นคนที่เพิ่งเลิกราไปกำลังมีความสุขในช่วงเทศกาลอาจยิ่งทำให้คุณรู้สึกแย่กับตัวเอง ทางที่ดีจึงควรงดเล่น social media หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือ เลิก “ส่อง” โปรไฟล์แฟนเก่า
โอบรับอิสรภาพ
ข้อดีของการเป็นโสดก็คือคุณจะมีเวลาให้ตัวเองได้อย่างเต็มที่และได้ทำสิ่งที่อาจไม่มีเวลาได้ทำตอนมีคู่ ไม่ว่าจะเป็นการนอนซุกตัวในผ้าห่มหนาและดูซีรีส์ข้ามปี หรือไปปาร์ตี้สังสรรค์กับคนอื่น ๆ อย่างไรก็ดี ดาวลิงแนะนำว่า ควรมีสมดุลระหว่างการอยู่กับตัวเองและการออกไปเข้าสังคม
“การเอาแต่ห่อตัวในรังไหมอาจจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงามากขึ้น แต่มันก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะใส่ใจความต้องการของตัวเองที่อยากจะอยู่คนเดียวในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะดึงตัวเองออกมา”
ดาวลิงเรียกสิ่งนี้ว่า “ทางสายกลาง” คือการมีเวลาอยู่กับตัวเอง แต่ก็ควรจะตอบรับคำเชิญไปงานสังสรรค์บ้างเพื่อที่จะได้ไม่เศร้าจนเกินไป การได้พบปะผู้คนบางครั้งก็จะทำให้คุณลืมเลือนเรื่องที่เสียใจไปได้บ้าง หรือได้เห็นโลกในมุมมองใหม่ ๆ ที่คุณไม่ทันได้มองเพราะมัวแต่เศร้าเสียใจอยู่ก็ได้
กินให้อิ่ม นอนให้หลับ
“พักผ่อนเยอะ ๆ” ยังเป็นสิ่งที่ช่วยเราได้เสมอ ดาวลิงกล่าวว่า การพักผ่อนไม่เพียงพอแม้เพียงไม่กี่คืน ก็สามารถส่งผลกระทบต่อกระบวนการคิดของคุณได้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่กำลังอกหัก ช่วงที่คุณรู้สึกไร้ค่าและหลงทาง การนอนและทานอาหารไม่เพียงพอก็จะยิ่งเป็นเชื้อเพลิงให้ความเศร้าลุกลาม และทำให้คุณไม่สามารถคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ ซึ่งจะทำให้คุณรักษาแผลใจได้ยากขึ้นด้วย
อย่ากลับไป
หลาย ๆ คู่ที่เลิกกันเพราะเหตุผลเรื่องการเข้ากันไม่ได้ จนนำมาสู่ความสัมพันธ์อันเป็นพิษ มักจะรู้สึกโหยหาและอยากกลับไปหาคนรักเก่า แต่ เรวิด โยเซฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ มองว่า ไม่ว่าคุณจะเหงาแค่ไหน คุณก็ไม่ควรกลับไปหาคนเก่า ยกเว้นว่าคุณจะยอมรับตัวตนเขาได้จริง ๆ
“เหตุผลเดียวที่คุณควรกลับไปหาคนเก่าก็คือคุณกล้าที่จะยอมรับตัวตนของเขาอย่างที่เขาเป็น ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขใดก็ตาม การยอมรับก็คือทางเดียวที่จะทำให้สิ่งที่มันผิดมาตั้งแต่ต้นยังไปต่อได้” แต่หากคุณคืนดีเพราะเพียงแค่เหงาในช่วงเทศกาล ความสัมพันธ์เป็นพิษที่ยืดเยื้อก็จะยิ่งทำให้คุณเจ็บหนักกว่าเดิม
แบ่งปันความรักให้คนอื่น ๆ
ความรักของคุณไม่ได้มีไว้เพื่อคนคนเดียว สิ่งหนึ่งที่แสนสวยงามของมนุษย์คือเราสามารถเยียวยารักษาการ “ขาดรัก” ได้ด้วยการมอบความรักให้คนอื่น ๆ เมื่อคุณทำสิ่งดี ๆ ให้ใครสักคน สมองของคุณจะปล่อยฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินและอ็อกซิโทซินออกมา และ ระบบการให้รางวัลของสมอง (Brain Reward System) ก็จะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขราวกับว่าคุณได้รับสิ่งดี ๆ เสียเอง
“ตั้งปณิธานไว้ว่าคุณจะมอบสิ่งดี ๆ ให้โลกใบนี้ อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน” ดาวลิงแนะ “อย่าไปคิดมาก อย่าไปวางแผนเยอะ เราอยากให้ทำแบบง่ายที่สุด โทรหาใครสักคน ส่งการ์ดหาใครสักคน ส่งอีเมลหาใครสักคน เรื่องดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการซื้อกาแฟให้ใครสักคน เช่น คุณก็รู้ว่าเพื่อนร่วมงานชอบคาปูชิโนเพิ่มนมอัลมอนด์สองช็อต คุณก็ซื้อให้เขาได้เลย”
ใช้เวลากับคนที่คุณรัก
ยังมีความสัมพันธ์อีกมากมายนอกจากความสัมพันธ์แบบคู่รัก ฮาร์ทสไตน์แนะนำว่า การใช้เวลากับเพื่อนฝูงก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเยียวยาคุณได้
“การเลิกกันอาจทำให้คุณรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ในช่วงอกหักก็คือ ร้องขอความช่วยเหลือ และมันจะยิ่งสำคัญมากขึ้นในช่วงเทศกาล ผู้คนมักจะพบว่าเพื่อน ๆ หรือครอบครัวของเขามักจะเปิดใจรับฟังกันมากกว่าเดิมในช่วงเทศกาล”
ดาวนิง กล่าวว่า การใช้เวลากับเพื่อนฝูงและครอบครัวอาจไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณได้มีช่วงเวลาดี ๆ ที่น่าจดจำ
“เราไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่ามันจะทำให้ความเจ็บปวดจากการเลิกราหายไป คุณยังเศร้าได้ แต่คุณก็จะมีช่วงเวลาแสนสุขและสดใสเพื่อสร้างสมดุลให้ตัวเอง ใช่ ฉันเศร้า ใช่ หัวใจฉันยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิตฉัน เรื่องราวทั้งหมดของฉันไม่ได้มีแค่นี้ ชีวิตฉันมีเรื่องต่าง ๆ มากมาย ชีวิตฉันมีทั้งสองอย่าง ทั้งเศร้าและสุข”
การอกหักในช่วงเทศกาลอาจทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ชีวิตและความรักของคุณไม่ได้มีไว้เพื่อคนเพียงคนเดียว เพลง All I Want for Christmas is You ยังกลับมาฮิตติดชาร์ตเพลงในช่วงเทศกาลของทุกปีได้ฉันใด คุณก็ยังกลับมามีความสุขและก้าวต่อไปได้เสมอ
อ้างอิง :
https://informationisbeautiful.net/2010/peak-break-up-times-on-facebook/
https://www.mirror.co.uk/news/weird-news/youre-most-likely-dumped-specific-9407364
https://www.bustle.com/p/how-to-survive-the-holidays-if-youre-going-through-a-breakup-13194910
https://hellogiggles.com/survive-holidays-heartbroken/
https://thriveworks.com/blog/how-to-cope-with-a-holiday-breakup/