- เมื่อ ‘การประสบความสำเร็จ’ เป็นสิ่งที่สังคมบอกว่าต้องมี ทำให้หลายคนพยายามวิ่งเรื่อยๆ เพื่อคว้าสิ่งนี้
- ‘คริสโตเฟอร์’ ก็กำลังวิ่งตามหาสิ่งนี้ สิ่งที่แม้แต่ตัวเขาก็มองไม่เห็น จนเกือบทิ้งสิ่งที่มีอยู่อย่างครอบครัวและเพื่อนสนิท ‘พูห์’
- ‘ความทุกข์’ ทำให้คริสโตเฟอร์หันกลับมาหาสิ่งที่เขาไม่ต้องพยายามไขว้คว้า นั่นก็คือความสุขที่เขาได้รับเสมอมาและตลอดไป
“พูห์ จริงๆ แล้วสิ่งที่ฉันชอบทำมากที่สุด คือ ‘ไม่ทำอะไรเลย’ ต่างหาก”
‘คริสโตเฟอร์’ วัยเด็กบอกกับ ‘พูห์’ เพื่อนรักของเขาพร้อมกับรอยยิ้ม เพราะความอายุน้อยทำให้เขายังคงสนุกที่จะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่ แค่ใช้เวลาผจญภัยไปกับเหล่าเพื่อนๆ ในป่าร้อยเอเคอร์ก็พอแล้ว
ไปปิกนิก ขุดบ่อทราย วางแผนจับเฮฟฟาลัมพ์ตัวร้ายที่คอยแกล้งเพื่อนๆ ทำให้คริสโตเฟอร์กลายเป็นฮีโร่ในสายตาเพื่อนทุกคน
แต่คริสโตเฟอร์ในวันนี้ที่เข้าสู่วัยกลางคน เป็นหัวหน้าครอบครัวและเจ้านายที่ต้องดูแลลูกน้องอีกหลายชีวิต ‘การไม่ทำอะไรเลย’ ถือเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์ อายุและริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นบนใบหน้าสอนเขาว่า ‘ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ’ ทำให้คริสโตเฟอร์ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้ลูกและภรรยา ทำให้ชีวิตลูกน้องในปกครองมั่นคง
ภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับมันกดบ่าเขาจนแทบทนไม่ไหว เพื่อบรรเทาไม่ให้เจ็บมากเกินไป คริสโตเฟอร์ตัดใจทิ้งบางสิ่งไป สิ่งที่เขาเลือกทิ้งไป คือ ตัวตนและความสุข แต่อาจจะไม่ใช่ความสุขของเขาคนเดียว หากหมายถึงความสุขของลูกและภรรยาด้วย
“ชีวิตคุณกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ อยู่ตรงหน้าคุณ”
‘เอเวอลีน’ ภรรยาที่อยู่เคียงข้างคริสโตเฟอร์มาตลอด สิ่งที่ทำให้เธอตกหลุมรักเขาไม่ใช่เจ้านายที่เก่งฉกาจอุทิศตนเพื่อบริษัท แต่เป็นคนที่เต้นรำด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่คริสโตเฟอร์ของเธอตอนนี้กำลังวิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อไล่ตามสิ่งที่แม้แต่คู่ชีวิตอย่างเธอก็มองไม่เห็น
เพราะความรักและความศรัทธาที่เอเวอลีนยังมีให้เขา ทำให้เธอเลือกที่จะยอมรับการใช้ชีวิตแบบนี้และรอคอยให้เขากลับมาเป็นคนเดิม
“แม่แน่ใจเหรอว่าพ่อเคยเป็นเด็ก”
คริสโตเฟอร์เคยตั้งคำถามกับการกระทำของพ่อตัวเอง ทำไมต้องบังคับให้เขาเอาแต่เรียน ส่งเขาไปเรียนที่ไกลๆ แต่คริสโตเฟอร์วันนี้กลับเดินรอยตามพ่อทุกอย่าง ขีดเส้นชีวิตลูกสาว ‘เมเดอลีน’ จนเจ้าตัวสงสัยว่า พ่อของเธอเคยมีวัยเด็กบ้างไหม ทำไมถึงหลงลืมว่าเด็กต้องการเล่นและใช้เวลากับครอบครัว ไม่ใช่นั่งอ่านหนังสือทั้งวัน หรือต้องสอบได้คะแนนเต็ม
ถึงไม่ชอบ แต่เมเดอลีนก็เหมือนคริสโตเฟอร์วัยเด็กที่ยอมทำทุกอย่างตามพ่อสั่ง เพราะคิดว่าเมื่อพ่อพอใจแล้วจะยอมทำตามใจเธอบ้าง
การได้เจอเพื่อนเก่าอย่างหมีพูห์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คริสโตเฟอร์วันนี้ดีใจ เขากลับกังวลและกลัวว่าคนอื่นๆ จะมองเขาแปลกประหลาดที่คุยกับตุ๊กตา กังวลว่าเพื่อนคนนี้จะมาสร้างความวุ่นวาย แต่สำหรับพูห์การได้เจอคริสโตเฟอร์อีกครั้ง ทำให้การรอคอยที่เขาทำมาหลายสิบปีจบลง ความรู้สึกที่มีให้จึงไม่มีอะไรนอกจากยินดี
“พูห์ นายจำฉันได้ยังไง ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว”
“นายไม่เปลี่ยนสักนิด”
ไม่ว่าวันนี้ปฎิกิริยาของคริสโตเฟอร์จะต่างจากเดิมสักแค่ไหน แต่เขายังคงเป็นคริสโตเฟอร์ของหมีพูห์ เอเวอลีน และเมเดอลีน รวมถึงเหล่าเพื่อนๆ ในป่าร้อยเอเคอร์
จะเป็นคนใกล้ตัวที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดหรือคนไกลที่ห่างกันไป พวกเขาต่างรอคอยสิ่งเดียวกัน คือ ให้คริสโตเฟอร์กลับมาเป็นคนเดิม ไม่ใช่เพื่อตัวพวกเขา แต่เพื่อตัวคริสโตเฟอร์เอง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มีน้อยลงคงแสดงได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับตัวตนใหม่
หนทางที่จะกลับไปหาตัวเดิมคงไม่มีบอกในจีพีเอสหรือสามารถค้นวิธีในกูเกิลได้ คงมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่จะหาเจอ…
แม้จะเกือบเสียทุกสิ่งไป แต่คริสโตเฟอร์ก็กลับมาหาตัวเองเจอ เพราะการไล่ตามสิ่งที่มองไม่เห็นมันเหนื่อยและทุกข์มากกว่าทิ้งสิ่งที่เขามีมาตลอด
เช่น ลูกโป่งสีแดงที่เขาพยายามไม่สนใจ ปล่อยมือจากเชือกจับอย่างง่ายดาย เพราะคิดว่ามันไม่สำคัญและไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรมี แต่ลูกโป่งนั้นยังคงตามตัวเขาติดๆ ถึงจะมองไม่เห็นแต่มันยังอยู่รอเขาเห็นและเก็บขึ้นมาอีกครั้ง ลูกโป่งนี้ก็อาจจะเหมือนกับความสุขที่คริสโตเฟอร์ตัดสินใจทิ้งไป สุดท้ายมันยังคงกลับมาหาเขาอยู่ดี และไม่ว่าจะวัยไหนเรายังคงต้องการความสุขเสมอ
“วันนี้คือวันอะไร”
“วันนี้ไง”
“วันโปรดของฉันเลย”
บทสนทนาสุดท้ายระหว่างคริสโตเฟอร์และพูห์ ในที่สุดคริสโตเฟอร์ก็หยุดวิ่งได้แล้ว พวกเขากลับมานั่งเคียงข้างที่ทุ่งหญ้าในป่าร้อยเอเคอร์ ในวันที่ไม่ต้องคิดวางแผนทำอะไรยิ่งใหญ่หรือมีประโยชน์ในสายตาคนอื่น เพราะแค่มีกันและกัน โฟกัสแค่ช่วงเวลานี้ก็พอ