เสียงร้องหวานละมุนจากบทเพลง อยากมองเธอ…ในแง่ร้าย ภายใต้ชื่อ Yokee Playboy ทำให้เราติดตาม โป้-ปิยะ ศาสตรวาหา เจ้าของเสียงร้องนี้มาตั้งแต่เด็กๆ และแม้จะผ่านมานานหลายปี แต่ทุกวันนี้เพลงของเขาก็ยังอยู่ในเพลย์ลิสต์ของเราที่เปิดฟังเป็นประจำอยู่
การเดินทางมาพบเจ้าของเสียงร้องที่เป็นส่วนหนึ่งในวัยเยาว์ครั้งนี้ ไม่ใช่พบกันเพียงเพื่อคุยกับเขาอีกครั้งในฐานะศิลปินที่ใครหลายคนคงรู้จักกันไปมากแล้ว แต่เป็นอีกหนึ่งบทบาท ที่เขาบอกว่าสำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรอีกมาก ที่หากไม่ได้รับบทบาท ‘พ่อ’ ของลูกสาว ก็คงไม่ได้เรียนรู้อะไรแบบนี้ และคงไม่ได้เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ชอบที่สุด และมีความสุขที่สุดอย่างในปัจจุบัน
ชายอารมณ์ดีวัย 51 ปี ผู้นี้ ให้กำเนิด ‘ชินา’ ลูกสาวสุดที่รัก ตอนตัวเองอายุ 40 ปี บางคนบอกว่าเขามีลูกช้าไป แต่เขามองว่าจะมีเร็ว หรือมีช้า สิ่งสำคัญควรมีเมื่อพร้อม ซึ่งความพร้อมที่เขาหมายถึง คือความพร้อมทางด้านสภาวะทางอารมณ์ ซึ่งพ่อ-แม่ ทุกคนควรจะมี เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้ทุกครอบครัวพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ พร้อมเปิดรับความคิดของลูกที่เกิดมาคนละเจนเนอเรชั่น และพร้อมที่จะจับมือเรียนรู้เรื่องต่างๆ ไปกับลูกในทุกๆ วัน โดยไม่คิดจะปล่อยมือกันไป
โป้เรียนรู้ที่จะเป็นสามีที่ไม่ปล่อยให้ภรรยาเลี้ยงลูกคนเดียวตามลำพัง แต่เขาต้องเลี้ยงลูกเป็น และทำได้ทุกอย่างเหมือนที่แม่ของลูกทำ
โป้เรียนรู้ที่จะสลัดภาพชายแท้มาดเข้ม แล้วเพิ่มความเข้าใจต่อผู้หญิงและความหลากหลายทางเพศ เพื่อเป็นเพื่อนสาวของลูกสาว ผู้เป็นเด็กยุคใหม่ ที่มั่นใจในการเป็นตัวของตัวเอง
โป้เรียนรู้ที่จะมีใจเปิดกว้างมากพอที่จะเปิดโอกาสให้ลูกสาวได้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น ได้พูดในสิ่งที่อยากพูด และได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยมีเขาอยู่เคียงข้างทุกการเดินทาง
ยังมีอีกหลายอย่างที่โป้ได้เรียนรู้จากการมีลูกสาว และมีอีกหลายอย่างที่เขาพร้อมเรียนรู้ต่อในฐานะ ‘พ่อ’ ที่โป้อยากเล่าให้ทุกคนฟัง
การเรียนรู้ที่ 1: มีลูกช้า ก็มีความสุขได้ ถ้ามีเมื่อ ‘พร้อม’
กว่าจะถึงวันที่โป้ตอบตัวเองได้แล้วว่าหนึ่งเป้าหมายใหญ่ๆ ของเขาคือการ ‘มีลูก’ เขาได้ผ่านแต่ละช่วงชีวิตแห่งการทำตามความฝัน ช่วงเวลาที่ลองดื้อ ช่วงเวลาที่เริ่มตั้งคำถาม และช่วงเวลาที่ตระหนักถึงการยืนหยัดที่จะมีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการจริงๆ นั่นทำให้การตัดสินใจมีลูกของเขาเป็นความคิดที่ถูกกลั่นกรองมาอย่างดี และถี่ถ้วนระหว่างการเติบโตของเขา แม้ว่ามันจะใช้เวลานาน และเพิ่งเกิดตอนขึ้นเลข 4 แต่มันก็คุ้มค่าที่จะรอให้คำตอบตัวเองนั้นชัดเจนที่สุด
“พื้นฐานตั้งแต่เด็ก เราเป็นคนว่านอนสอนง่าย” ไม่ทันจบประโยค ชายเสียงนุ่มก็ค้านขึ้นมาทันทีว่า “แต่มีความดื้อโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะจะสนใจในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ มาเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่าเราเป็นเด็กที่ไม่ได้ดื้อมาก แต่ดื้อในสิ่งที่คิดว่าใช่กับตัวเอง”
ก่อนจะเป็นพ่อ โป้ก็เป็นลูกมาก่อน เขาเติบโตขึ้นมาในบ้านที่เปิดบริษัทสถาปนิก นั่นทำให้ครอบครัวอยากดันหลังเขาให้เรียน และทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ ถามว่าโป้ทำตามคำขอของครอบครัวไหม เขาทำตามอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าอย่างที่เขายอมรับว่าดื้อเงียบ เขาจึงแอบเล่นกีต้าร์ และดนตรีที่เขารักไปด้วย
“ตอนมอปลาย เราแอบพ่อซื้อกีต้าร์ โดยผ่อนรายเดือนกับพี่ชายเอา ตอนนั้นเราต้องแอบเล่นกีต้าร์ในตู้เสื้อผ้าเลยนะ เพราะกลัวเสียงมันออกแล้วพ่อได้ยิน จริงๆ ไม่ใช่ว่าคุณพ่อไม่ชอบดนตรีนะครับ พ่อก็ชอบ แต่เขาแค่เชื่อว่า ถ้าลูกได้เรียนสถาปัตย์ และทำงานด้านนี้ จะสามารถเลี้ยงตัวเองรอด ส่วนหนึ่งเขาอาจจะไม่มีประสบการณ์ หรือเห็นคนรอบตัวเป็นนักดนตรี เขาก็เลยรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะให้ลูกทำมัน”
แม้โป้จะเรียนสถาปัตย์ตามที่พ่อตั้งใจ แต่ช่วงใกล้เรียนจบ เขาจับพลัดจับผลูเข้ามาทำงานกับค่าย Bakery Music และคุยกับพ่อว่าอยากจะเป็นศิลปิน ช่วงนั้นอยู่ในยุคฟองสบู่แตกพอดี สถาปนิกหลายคนตกงาน ทำให้เขาได้ลองทำงานในค่ายเพลง และทำให้พ่อให้โอกาสเขาได้ลองทำในสิ่งที่ชอบ
ที่เราต้องเกริ่นถึงชีวิตที่ผ่านมาของเขาก่อน เพราะมันเชื่อมโยงกับความพร้อมในการมีลูก โป้เลือกที่จะมีลูกในวันที่ตัวเอง ‘มีความสุข’ จากสิ่งที่ตัวเองรักได้ก่อน เพราะนั่นเป็นพื้นฐานที่เขาจะส่งมอบความสุขให้กับอีกหนึ่งชีวิตที่เกิดมาได้จริง หากตัวเขาไม่มีความสุขอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ความรักที่ส่งไปถึงลูกก็อาจจะไปไม่ถึง
“ตั้งแต่หนุ่ม เราสนใจทำแต่ดนตรีอย่างเดียวมาตลอด คือรู้สึกว่าเรามีความสุขมากแล้วนะ จนเริ่มมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าเรายังขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไหมนะ พอเริ่มโตขึ้น อายุใกล้ 40 ก็ตอบตัวเองได้ชัดว่า อ๋อ จริงๆ เราอยากมีลูก ซึ่งตอนนั้นก็อายุเยอะแล้ว เพื่อนๆ รอบตัวนี่มีลูกกันไปหมดแล้วครับ”
คำจำกัดความความพร้อมที่จะมีลูกตอน 40 สำหรับโป้หมายถึง ความพร้อมด้านสภาวะทางอารมณ์ เขาขยายความว่า “ถ้าเรามีลูกโดยไม่พร้อมด้านสภาวะทางอารมณ์ หรือสภาพจิตใจไม่พร้อม มันจะเหนื่อย ทรมาน คุณต้องเปลี่ยนตัวเองอย่างหนัก ไม่ว่าจะเรื่องเวลางาน ไลฟ์สไตล์ เครียดเรื่องรายได้ ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าอยากให้ลูกลำบากไหม แต่ถ้าคุณเริ่มต้นจากการอยากมี เพราะพร้อมจะมีจริงๆ คุณจะมีความสุขครับ สำหรับผม มีลูกอาจจะเลี้ยงให้เขาไม่ได้สบายมากไปทุกอย่าง แต่ยังไงก็ต้องไม่ลำบาก”
“พอมีลูกปุ๊บ เราก็รู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิม มีความสุขทุกวัน ความรู้สึกเหงาๆ ประหลาดๆ หรือขาดอะไรบางอย่าง มันถูกเติมเต็ม เราเชื่อว่าปัญหาชีวิตมันก็ยังมีเหมือนเดิม แต่เรากลับหาความสุขได้ทุกวัน เพราะมีลูก ความกังวลอย่างเดียวสำหรับการมีลูกช้า สำหรับเราคือสุขภาพ เราห่วงสุขภาพตัวเองมากขึ้น เพราะตอนเขาเรียนจบเราน่าจะ 60 แล้ว ก็อยากอยู่กับเขานานๆ”
การเรียนรู้ที่ 2: พ่อควรทำได้ทุกอย่างเหมือนแม่ และรับบทเพื่อนสาวของลูกได้
การเลี้ยงลูกในปัจจุบันของแต่ละครอบครัวนั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว บางครอบครัวพ่อ-แม่ ยังต้องทำงานทั้งคู่ บางครอบครัวพ่อออกไปทำงาน แม่อยู่บ้าน หรือบางครอบครัวแม่ออกไปทำงาน แล้วพ่ออยู่บ้านดูลูกแทน แล้วแต่การตกลงกันของแต่ละบ้าน แต่ก็ปฏิเสธได้ยากว่าค่านิยมสังคมแบบไทยๆ ยังมีความคาดหวังให้ผู้หญิงเลี้ยงลูกเป็นหลักอยู่คนเดียวมากกว่าให้ผู้ชายมีส่วนในการเลี้ยงลูก ซึ่งสำหรับครอบครัวนี้ โป้และหนูเล็ก ภรรยา ตั้งใจกันไว้ว่า จะช่วยกันเลี้ยง เพราะอยากให้ลูกสาวสนิททั้งกับแม่และพ่อ อีกอย่าง การเลี้ยงลูกไม่ใช่หน้าที่ของผู้หญิงฝ่ายเดียวด้วย
“สำหรับผม พ่อต้องทำได้ทุกอย่างเหมือนที่แม่ทำให้ลูก ยกเว้นอย่างเดียวคือการให้นมที่เราทำไม่ได้ แต่ในส่วนของการดูแลลูก เราต้องพร้อมช่วยแม่เขาเลี้ยงอยู่เสมอ เราคิดมาตลอดว่าต่อให้พ่อหน้าแบบนี้ แต่ก็อยากเป็นเพื่อนสาวลูกนะ (หัวเราะ) ช่วงวัยกำลังโต เราก็ไปเล่นตุ๊กตากับเขา พยายามคุยกับเขา ตอนที่เขาโตขึ้นมาหน่อย เขาชอบวาดรูป เราก็จะคอยสังเกตอยู่เรื่อยๆ ว่าเราต้องปรับตัวให้เป็นสาวแบบไหนให้คุยกับลูกสาวรู้เรื่อง อย่าอายครับ และอย่ากลัวที่จะเลี้ยงลูกเลยครับ ผู้ชายบางคนบางทีคิดว่าหน้าที่เลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของผู้หญิง จริงๆ ไม่ใช่นะครับ เป็นหน้าที่คุณด้วย นี่ลูกคุณครับ”
“ในใจ ตอนแรกที่รู้ว่ามีลูกสาว เรายังกลัวอยู่เหมือนกันว่าหน้าตา รูปลักษณ์ของเรา ลูกสาวจะกลัวเราไหม เราไม่ได้เป็นคุณพ่อที่มีลักษณะอ่อนโยนมากๆ กังวลอยู่บ้างว่าจะดูแลเขายังไง จะมีระยะห่างกันไหม เราจะไม่เข้าใจเขาหรือเปล่า แต่สรุปทุกอย่างมันมีหนทางของมันหมดครับ อย่างตอนนี้พี่ว่าพี่ก็มีฮอร์โมนความสาวบางอย่างมากขึ้น เพื่อให้เข้าใจลูกสาว”
การมีลูกสาวทำให้เรียนรู้ผู้หญิงมากขึ้นไหม? เขาตอบกลับคำถามของเราทันทีเพียงเสี้ยววิฯ เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่ต้องใช้เวลาย้อนคิด คำตอบของเขาคือ “มาก”
“การมีลูกสาวทำให้พี่รู้ว่า ผู้หญิงมีความอ่อนโยน และมีความเข้มแข็ง ซึ่งก็เหมือนกับผู้ชายทุกตรง แต่อาจจะมีดีเทลที่เยอะขึ้นเพียงเพราะคำว่าผู้หญิง เช่น เวลากิน ผู้ใหญ่อาจจะเตือนเด็กผู้ชายว่า อย่ากินเร็ว เดี๋ยวติดคอ แต่เตือนเด็กผู้หญิงว่า อย่ากินเร็ว เดี๋ยวติดคอ และเดี๋ยวดูไม่สวย ซึ่งถ้าเราตัดเรื่องเพศออกไป เราจะเห็นว่าจริงๆ แล้วเด็กผู้หญิง กับเด็กผู้ชายเหมือนกันเลยครับ ผู้หญิงที่เข้มแข็งกว่าผู้ชายก็มี”
สิ่งที่โป้เรียนรู้และพยายามเข้าใจผู้หญิงมากขึ้นจากการมีลูกสาว จริงๆ เริ่มตั้งแต่ตอนที่ภรรยาตั้งท้องเลยก็ว่าได้ โป้บอกว่าสิ่งสำคัญคือคนเป็นพ่อต้องเข้าใจคนเป็นแม่ให้มากๆ เพราะผู้หญิงยังเป็นเพศที่เสียสละกว่าเยอะ ถ้าว่ากันตามความเป็นจริง
“ผู้หญิงเวลาท้องจะมีฮอร์โมนหลายๆ ตัวที่เปลี่ยนไป มันจะทำให้เขามีภาวะทางอารมณ์ที่สวิงขึ้น-ลง คุณพ่อต้องเข้าใจคุณแม่ในจุดนี้ด้วย อย่าเอาอารมณ์ตัวเองเข้าไปตัดสินทุกเรื่อง ค่อยๆ ประครองให้เขารู้สึกผ่อนคลาย พูดแบบนี้เหมือนง่าย แต่เวลาจริงมันอาจจะยาก ผมเข้าใจ แต่ต้องทำนะครับ เพราะลูกก็อยู่ในท้อง และแม่ก็เป็นคนเสียสละที่ต้องแบกท้อง”
“ที่สำคัญถ้าอยากให้ลูกอารมณ์ดี ภรรยาก็ต้องอารมณ์ดีด้วย ฉะนั้นคุณต้องดูแลภรรยาดีๆ ไม่ใช่ดูแลแค่ลูก เรามีหน้าที่ทำบรรยากาศในบ้านให้ดี ทำครอบครัวให้มีความอบอุ่น ตอนแฟนพี่กังวล กลัวรูปร่างหลังคลอดจะเปลี่ยนไป เราก็ต้องคอยให้กำลังใจ ซึ่งสำหรับพี่ พี่มองว่ามันไม่เปลี่ยนไปเลย อีกที่พี่ทำบ่อยๆ คือการร้องเพลงตลกๆ เต้นบ้าๆ บอๆ ให้เขาดูการแสดงอยู่ตลอดเวลา จะได้อารมณ์ดี (หัวเราะ)”
แน่นอนว่าภรรยาของโป้ที่ฟังอยู่ด้านหลัง ก็แอบยิ้มไปกับคำตอบของสามีคนนี้
การเรียนรู้ที่ 3: เลี้ยงลูกไม่จำเป็นต้องมีแพตเทิร์น ค่อยๆ เรียนรู้ไปพร้อมกับลูกดีกว่า
ชินาเติบโตขึ้นมาโดยการเลี้ยงดูแบบ ‘อารมณ์ดี’ ที่โป้และภรรยาให้ความสำคัญมากที่สุด เขาอธิบายว่า “เรากำลังจะสร้างคนให้เติบโตขึ้นไป ฉะนั้นเด็กต้องมีความสุข เด็กต้องอารมณ์ดี พี่เลยเน้นการเลี้ยงแบบอารมณ์ดีอย่างเดียวในบ้าน ทำยังไงก็ได้ให้เขาอารมณ์ดี เราไม่ควรคาดหวังให้ลูกต้องเป็นคนดี ต้องเรียนเก่ง แต่ถ้าเราสร้างให้เขาอารมณ์ดีเข้าไว้ เวลาที่เขามีความสุข เขาจะดึงดูดเรื่องดีๆ เข้ามาหาเขาเอง สมองเขาปลอดโปร่งปุ๊บ เขาจะมีจินตนาการ และการเรียนรู้ที่ดีของเขาเองครับ”
“เลี้ยงลูกมันไม่เหมือนกับการต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เราจะปล่อยไปตามแพตเทิร์นไม่ได้ อย่าคิดว่าเราต้องสอนลูกอย่างเดียว เราก็ต้องเรียนรู้ไปกับลูกด้วย ทำตัวให้เป็นคนเปิดกว้างไว้เสมอ อย่าเชื่อในประสบการณ์ของตัวเอง ให้รับข้อมูลใหม่ๆ เข้ามา แล้วประยุกต์ใช้กับลูกคุณ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่จะมีหน้าที่สั่งสอน หรือคิดว่าลูกทำผิดไม่ได้เลย ทุกคนผิดกันได้ บ้านนี้คือถ้าพ่อแม่ทำผิด พ่อแม่ก็ขอโทษด้วย”
สิ่งที่โป้ได้เรียนรู้จากการเลี้ยงชินา ทำให้เขารู้ว่าอย่ากลัว หรือเป็นห่วงลูกจนเกินไป ให้ลูกได้ใช้ประสบการณ์ของตัวเองคิด วิเคราะห์ ลอง เล่น หรือสนุกบ้าง โป้เล่าว่า เขาสังเกตว่าชินาไม่กลัวน้ำเลย เห็นน้ำแล้วสนุกมาก จะวิ่งเข้าใส่ตลอด โดยตอนแรกเขาเกิดความกลัวว่าชินาจะจมน้ำ แต่เขาก็เอาชนะความเป็นห่วงนั้นด้วยการพาลูกลงน้ำ โดยให้ชินาเกาะหลัง เพื่อดำดิ่งลงไปในน้ำพร้อมกัน เขาบอกว่าใจเหมือนจะระเบิดออกมา เพราะกลัวลูกจะเป็นอะไร แต่สุดท้าย ก็ผ่านประสบการณ์ไปได้ด้วยดี ชินาได้เรียนรู้ว่าความรู้สึกตอนอยู่ใต้น้ำจะมีการหายใจไม่ออกเกิดขึ้น และทำให้ชินาเริ่มระวังตัวมากขึ้น และโป้เองก็พยายามสอนให้ชินาว่ายน้ำเป็นตั้งแต่นั้นมา
“หลายครั้งเราก็เรียนรู้ไปกับลูกด้วย ทุกวันอาทิตย์ พี่มีนัดพาเขาไปเรียนเปียโน พอไปเรียนกับลูก พี่ก็แอบเรียนไปด้วย (หัวเราะ) ข้อดีของคลาสเด็กเล็กคือจะใช้โน้ตน้อย เราก็เข้าใจได้ง่าย ซึ่งเราตั้งใจฟังไปกับลูก จนอาจารย์สะกิดว่า พ่อตั้งใจมาก ครูสอนคุณพ่อด้วยเลยไหม พี่ก็เลย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ (หัวเราะ) ก็เรียนกับลูกจนจบ 3 เล่ม และเอามาใช้กับงานตัวเองได้ด้วย จากที่เล่นไม่เป็น”
“หรือบางทีผู้ใหญ่อย่างเราไม่ควรไปขวางจินตนาการของเขานะครับ พี่จะพยายามไม่เข้าไปยุ่งวิธีการที่เขาเรียนรู้เลย อย่างน้องชอบวาดรูป พี่ก็ชอบวาดรูปนะ แต่พี่จะไม่เอาสไตล์ของพี่ไปครอบเขา เขาชอบวาดคนที่มีตาเดียว เราเห็นแล้วแหละว่ามันไม่ใช่ 2 ตา แต่เราก็ลองสังเกตดูไปก่อน อย่าไปห้ามเขา รอดูว่าเขาจะพัฒนาไปเป็นยังไงต่อ ถ้าเราไปสอนเขา ไปห้ามเขา เขาจะหยุดคิด หยุดจินตนาการ อยากให้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งเอาประสบการณ์ตัวเองไปตัดสิน ลองปล่อย ลูกคุณอาจจะทำสิ่งยิ่งใหญ่ขึ้นมาก็ได้นะ อย่างตอนนี้น้องชอบทำแอนิเมชั่นเอง มือขยับได้ เราก็ไม่รู้นะว่าเขาทำยังไง เขาทำของเขาเอง คุณพ่อตามไม่ทันแล้ว”
การเรียนรู้ที่ 4: เปิดใจให้กว้าง รับฟัง และโอบรับทุกตัวตนของลูก
ความคิดของเด็กสมัยนี้ มีหลายสิ่งอย่างที่ไม่เหมือนกับคนรุ่นโป้ ซึ่งโป้ก็พยายามที่จะเรียนรู้ และเปิดใจให้กว้างเพื่อรับฟังมุมมองของลูกสาวคนนี้อย่างตั้งใจ โดยไม่ตัดสิน เขาบอกว่า เมื่อมีลูกสาว เขาเข้าใจว่าหลายครั้งลูกสาวอาจจะไม่สบายใจที่จะคุยกับเขาในเรื่องต่างๆ ก็ได้เมื่อเติบโตขึ้น เขาจึงอยากให้มีคนในครอบครัวคนอื่นๆ คอยรับฟังเรื่องเหล่านั้นของชินา จึงพยายามให้ชินาสนิทกับน้าเข้าไว้ (น้องสาวของโป้) เผื่อวันหนึ่งชินามีบางเรื่องไม่อยากคุยกับพ่อแม่ การมีคนในครอบครัวอีกคนคอยรับฟัง อาจเป็นเรื่องดีที่คอยช่วยเหลือเขาได้
“ดูแค่คนวัยเราก็ได้ บางทีก็มีเรื่องที่ไม่อยากจะบอกพ่อแม่ ไปบอกเพื่อนๆ แทน ซึ่งถ้าเขาสนิทกับคนในครอบครัวคนอื่นๆ ไว้ด้วย ก็ยังมีสายตาในครอบครัวที่เขาไว้ใจจะคุยได้ เราว่ามันคงต้องมีแน่นอนสักเรื่องอะ ที่เขาไม่อยากเล่าให้พ่อแม่ฟัง”
แต่ถึงอย่างนั้น โป้ก็พยายามเรียนรู้ที่จะเป็นพ่อที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ลูกกล้าเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังได้อยู่ดี และคีย์หลักที่ลูกหลายคนตั้งการ์ดขึ้นมาตั้งแต่แรกว่า ไม่อยากเล่าให้พ่อแม่ฟัง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวการถูกตัดสิน กลับกันถ้าพ่อแม่สามารถฟังลูกโดยไม่ใช้ความคิดของตัวเองมาครอบตั้งแต่แรก ลูกจะกล้าเล่าหลายๆ อย่างด้วยความสบายใจให้ฟังเอง
“เด็กยุคผมมันจะเป็นเด็กที่ถูกปลูกฝังให้รู้ขนบโบราณ ว่าห้ามแบบนั้น ห้ามแบบนี้ อันนี้ไม่ดีนะ ไอ้นั่นเสียมารยาท แต่เด็กรุ่นใหม่ บางทีเราต้องใจเย็นๆ เพราะว่าเขามีความเป็นตัวเองสูงกว่าเราเยอะ เขาเติบโตมาในโลกที่มีข้อมูลมากมาย เขารู้มากกว่าเราเยอะ เขาจะมีอะไรที่รับรู้มากกว่าการเรียนในโรงเรียน ไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่เรารู้เรื่องนอกห้องเรียนแค่ไม่กี่เรื่อง”
“ปัจจุบันโลกมันกว้าง ลองค่อยๆ สังเกตลูกคุณดู ว่าลูกคุณชอบสิ่งไหน บางทีมันอาจจะใหม่กับเรา แต่อยากให้เปิดใจเข้าไว้ เรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังคือเรื่อง LGBTQ+ บางทีพ่อแม่อาจจะไม่รู้ หรือไม่ทันว่าลูกคุณมีธรรมชาติเป็นยังไง เปิดใจไว้นะครับ ไม่ว่าลูกคุณจะเป็นเพศไหนที่เขาเลือก ก็อย่าไปขวางอะไรเลยครับ ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ ถึงเขาจะเป็นก็เรื่องของเขา ถ้าเขายังรักคุณอยู่ มันก็โอเคแล้วครับ”
“ชินาชอบมาเล่าเรื่องเพื่อนให้ฟัง และชอบฟังเรื่องเกย์ เลสเบี้ยน เป็นพิเศษ มีวันหนึ่งเขาเดินมาบอกเราว่า ‘พ่อ หนูไม่มีเพศนะ’ เราก็หือ คืออะไร ชินาชอบใครก็ได้ ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ ที่เข้ากับเขา ที่เขารู้สึกดีด้วย ชินาขอมีแฟนนะ เป็นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เราก็ปล่อยให้เขาเรียนรู้ไป มันไม่ผิดครับ ขอแค่เขาทำหน้าที่ตามวัยเขาได้ก็พอ เพราะต่อให้คุณห้าม ก็ห้ามไม่ได้ แล้วก็ไม่ควรห้ามด้วยครับ มันเป็นธรรมชาติของเขา เมื่อก่อนเราก็ไม่เข้าใจเลย แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่าเรื่องเพศมันละเอียดอ่อนมาก คุณจะเอาตัวคุณเองเป็นที่ตั้งไม่ได้”
“หรืออีกเรื่องที่ตลกมาก คือชินาเคยมาขอว่า ‘พ่อ หนูอยากพูดคำหยาบอะ’ พวกคำว่า ass พ่อก็บอกว่าพ่อไม่เคยคาดหวังให้หนูเป็นเด็กเรียบร้อยเลยสักครั้ง ถ้าจะพูดไม่ห้ามด้วย แต่ขอแค่มีกาลเทศะก็พอ ต้องรู้ว่าพูดกับใครอยู่ พูดที่ไหน เพราะถ้าผิดกาลเทศะปุ๊บ มันจะกระทบเราทันที เขาจะ f*ck หรืออะไรก็แล้วแต่ พูดไปเลย เรายังพูดนิครับ (หัวเราะ) ซึ่งเราดีใจนะ ที่เรื่องเล็กๆ แค่นี้เขายังมาบอกเรา”
แม้โป้จะบอกว่ามีหลายเรื่องที่เขาต้องเรียนรู้ไปกับชินา และไม่สามารถใช้มุมมองของคนรุ่นเขามาตัดสินคนรุ่นใหม่ได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่เป็นคำสอนเก่าๆ ที่ยังคงเวิร์คในปัจจุบัน เช่น เรื่องสุขภาพ
“ยังมีเรื่องที่ผู้ใหญ่สมัยก่อนสอนมาแล้วเวิร์คอยู่ คือการสอนเขาว่า อย่านอนดึก อย่าดูมือถือมากไปเพราะทำให้สมาธิสั้นลง มันมีผลต่ออารมณ์ เรื่องพวกนี้จริง บอกเขาได้ อธิบายเขาด้วยเหตุผล พูดให้เขาเข้าใจ การดูมือถือ เล่นเกมมากไป ลูกเคยสังเกตไหมว่า ลูกจะหงุดหงิดทุกครั้งที่พ่อบอกให้พักก่อน หรือถ้าปล่อยให้เล่นจนพอใจ ก็จะหงุดหงิดอยู่ดี เขาก็จะเข้าใจเรา”
การเรียนรู้ที่ 5: เลี้ยงลูกด้วยความรัก เหมือนเลี้ยงตัวเองในวัยเด็กแบบที่ต้องการ
“มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง เวลาคุณสร้างคนคนหนึ่งขึ้นมา คุณจะมองเห็นตัวตนของคุณเป็นเด็กคนนั้นด้วย คุณรักตัวเองยังไง คุณก็ลองปฏิบัติกับลูกคุณแบบที่คุณเห็นว่ามีตัวคุณอยู่ที่เขา คุณอยากให้เด็กน้อยคนนี้เจออะไร รับรู้อะไร ไม่อยากให้เจออะไร คุณปฏิบัติไปเลย” โป้พูดกับเราด้วยแววตาแห่งความสุข เขาใช้โอกาสในการเป็นพ่อคุณ เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้มีความสุขในแบบที่ตัวเองตอนเด็กอยากมีความสุข โดยเฉพาะเรื่องความฝัน ที่ไม่ควรถูกปิดกั้นไว้
“พี่อาจจะโชคดีที่สิ่งที่ตัวเองชอบดันกลายเป็นอาชีพได้ โอกาสนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ด้วยปัจจัยต่างๆ เราก็เลยรู้ว่ามันมีความสุขมากๆ นะที่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบ เราจึงพยายามดูว่าลูกชอบอะไร สิ่งนั้นจะมีโอกาสให้เขาเลี้ยงตัวเองได้ไหม ซึ่งมันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ในอนาคต ตอนนี้เขาชอบวาดรูป พี่ก็จะไปฝากบริษัทแอนิเมชั่นให้เขาไปช่วยเสิร์ฟน้ำตอนปิดเทอม เพื่อให้เขาไปดูงาน ให้เขาเห็นว่า ถ้าเกิดทำอาชีพนี้ จะมีไลฟ์สไตล์ยังไง เขาอาจจะเปลี่ยนใจ หรือชอบต่อก็ได้”
“หรือตอนนี้เขากำลังตั้งวงกับเพื่อน เพื่อแสดงโชว์งานโรงเรียน พี่ก็เป็นโค้ชสอนเขาร้องเพลง ผู้ปกครองคนอื่นๆ ของเพื่อนเขา ก็ไว้วางใจให้เราทำวง เราก็พยายามช่วยเสริมความมั่นใจให้เด็กๆ ว่า ดีแล้ว เยี่ยมเลย อะไรที่ไม่กล้าก็ให้ลองทำดู พี่คิดว่าการสร้างความมั่นใจให้เด็กสำคัญมากนะ ให้เขารู้ตัวเองว่าเขาเป็นอะไร ชอบอะไร จะดีครับ จะได้มุ่งไปทางนั้น ไม่เสียเวลา แต่บางคนถ้าไม่เจอ ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว บางคนก็ชอบอะไรปกติธรรมดา ก็ปล่อยเขาไป ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องทำให้ลูก ทาเลนต์ เก่งไปเสียหมด เป็นธรรมชาติไป ไปบังคับให้เขาทำ เขาก็ไม่เอาหรอกครับ”
สิ่งที่ประทับใจในตัวน้องชินามากที่สุด ณ อายุเท่านี้ โป้บอกว่า คือความ “เห็นอกเห็นใจคนอื่น มีจิตใจอ่อนโยน เขาชอบปลอบคน ตั้งแต่ 4 ขวบ เขาเห็นแม่เศร้า ยังพูดไม่ได้เลย ก็ยังเดินไปโอ๋แม่ อย่างทุกวันนี้เวลาเพื่อนโดนบูลลี่ ชินาก็พยายามไปบอกคุณครูว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น พยายามช่วยเพื่อน”
ถ้าบทสัมภาษณ์นี้เป็นจดหมายของลูกของคุณในอนาคต อยากบอกอะไรกับเขามากที่สุด–เราให้โป้ลองจินตนาการดู
“พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ ใจเย็นๆ ดีแล้วลูก ไม่เป็นอะไร เรื่องธรรมดาลูก พ่อภูมิใจในตัวลูกอยู่ดี” เขาฝากถึงลูกสาวของเขาในอนาคต
และเมื่อถามถึงสังคมในแบบที่อยากให้ลูกสาวของเขาเติบโตขึ้น เขาตอบอย่างเรียบง่ายว่า “พี่เชื่อมั่นในตัวเขานะ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสังคมแบบไหนเขาจะรู้วิธีปฏิบัติตัว ให้อยู่ในสังคมนั้นได้โดยไม่กระทบกระเทือนคนอื่น หรือสูญเสียความเป็นตัวเอง พี่คิดว่าอยู่ได้ทุกสังคมแหละ”
โป้ทิ้งท้ายถึงความเป็นพ่อของตัวเอง เขาบอกเราว่ามีอีกหลายสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกต่อไป แต่แน่นอนว่าเขาจะอยู่ข้างๆ ลูก และ “คิดว่าการเป็นพ่อคือการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ทุกวันจนตายครับ ห่วงก็ห่วงจนตาย และมีความสุขจนตายเหมือนกัน”