ทุกคนล้วนมีภาพแม่ในแบบของตัวเอง ประสบการณ์ที่ใช้ร่วมกันกับแม่เป็นเรื่องราวของปัจเจกแน่นอน แต่ก็มักจะมีบางโมเมนต์เช่นเดียวกันที่ลูก-แม่แชร์เรื่องน่าปวดหัว น่าชวนหัว และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์
ย้อนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เราอาจจะมีภาพเหล่านี้อยู่ในหัวและได้แต่สงสัยว่าทำไมแม่ถึงทำแบบนั้น แม่คนอื่นเขาเป็นกันไหม ความสัมพันธ์ของเรากับแม่เป็นอย่างไร
ในยุคที่โซเชียลมีเดียยังไม่เฟื่องฟูเท่าปัจจุบัน ในยุคที่คลิปวิดิโอแนวครอบครัวหรือแม่ลูกยังไม่หลากหลายมากนัก เพจมะเฟืองเอง ยืนหนึ่งในฐานะตัวแทนหมู่บ้านของลูกสาวที่ก็ยืนหนึ่งเรื่องการแซวเพื่อน เป็นตัวตึงเถียงแม่แบบเน้นตลกเข้าว่า
ท่าทีของเด็กวัยมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่สื่อสารกับแม่ผ่านบทสนทนาและเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันสร้างเสียงหัวเราะและความรู้สึกร่วมให้คนไม่น้อยเพราะคัดแต่ insight ที่หลายคนต้องตบเข่าฉาด ทั้งสีหน้า คำพูด การแสดง หรือการตัดคลิปที่มีจังหวะโบ๊ะบ๊ะทำให้แฟนคลับยังติดตามมาจนถึงทุกวันนี้
แม้จะถอดเทปคำพูดมาลงเป๊ะๆ หรืออธิบายอย่างไรก็คงจะเห็นภาพได้ไม่ครบถ้วน เราจึงชวนให้ผู้อ่านทำความรู้จักกับ mood and tone ของมะเฟืองกับแม่ก่อนผ่านคลิปนี้ คลิปนี้
หรือมะเฟืองกับเพื่อนๆ ในคลิปนี้ก็ได้
มะเฟือง ณัฐชยา นิ่มสมุทร ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นกับสามี สำหรับผู้ที่เป็นแฟนคลับเพจมะเฟืองเองที่ดูคลิปมาตั้งแต่เธอยังอยู่มัธยมปลาย พวกเขาอาจจะรู้สึกว่าได้เติบโตมาด้วยกัน เห็นการเติบโตของตัวเองและมะเฟืองที่ก็ยังผลิตคอนเทนต์กับแม่ออกมาให้ยิ้มได้อยู่เสมอ
ในเสียงหัวเราะ ในเสียงบ่น ในเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ในความตลกที่มะเฟืองสวมหมวกอาบน้ำแสดงเป็นแม่มา 26 ปี เราชวนเธอมาคุยถึงเบื้องหลังในการทำคลิปและมุมมองความสัมพันธ์แม่-ลูก
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบบทสนทนา เราสามารถบอกมะเฟืองได้ผ่านเสียงแมวของเธอ และความติดขัดของสัญญาณในโปรแกรมซูมว่า “มะเฟืองเติบโตมาได้อย่างดีเลยนะ”
โน1นักตัดสิน… เมื่อคุณพยายามจะบอกแม่อย่าตัดสินคนอื่นแต่แม่ครือ…
ช่วยอธิบายให้คนที่ไม่ได้รู้จักมะเฟืองมาก่อนเข้าใจหน่อยว่านี่คือมะเฟือง ยุคแรกทำคลิปแบบไหน เล่าเรื่องประมาณไหน
มะเฟืองเริ่มทำตั้งแต่ม. 5 ม.6 แรกๆ จะเล่าเรื่องแม่จากความคิดเห็นของลูก 100% เวลาเล่าจะบอกว่าลูกคิดยังไง พูดยังไง บ่น เถียงกลับไปยังไง อารมณ์เด็กแก่น แฟนคลับตอนแรกๆ ก็จะเข้าใจว่านี่คือคลิปที่เรามีรีแอคชันตอบโต้กับแม่ คือเราแสดงเป็นแม่ด้วย แต่พาร์ทแม่ยังไม่สมบทบาท ด้วยความที่เรายังไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าแม่เขาคิดอะไรอยู่ เราแค่แบบ ไม่ชอบอะ เบื่ออะ แต่ถ้าตอนโตจะเถียงแม่ลดลง คลิปที่ทุกวันนี้ทุกคนเห็นจะเป็นแม่ 80% ของคลิปเลย จนเฟืองไม่ใช่เฟืองแล้ว (หัวเราะ) เป็นแม่หรือเปล่าแสดงเป็นมะเฟือง
ตอนแรกแม่ไม่รู้ ตอนนี้แม่รู้แล้ว (ยิ้ม) เราจะให้แม่ดูก่อน ทุกคลิปที่เห็นผ่านตาทุกคนก็จะผ่านแม่ตามาหมดแล้ว เวลาแฟนคลับถามว่า ไม่กลัวแม่เห็นเหรอ ก็จะบอกว่าแม่เห็นหมดแล้ว (หัวเราะ) เฟืองค่อนข้างสนิทกับแม่ เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่
ความสัมพันธ์กับแม่ในตอนแรกที่เริ่มทำคลิปเป็นยังไง ทำไมต้องเป็นแม่
ด้วยความที่เฟืองไม่ชอบพิมระบายอารมณ์มากนัก ไม่มีแอคเคานท์หลุม ไม่มีอะไรเลย เลยรู้สึกว่าไม่อยากจะพิมพ์ระบาย และเราอยากจะเล่าเรื่องแม่ในรูปแบบที่เราผ่านมาก่อน ก็เลยทำคลิปออกมา แต่ตอนแรกๆ ก็ไม่ได้คุยอะไรกับแม่มาก ทำคลิปเพราะมันอัดอั้นตันใจเฉยๆ
คอนเทนต์เมื่อก่อนจะแอบแรงไปบ้างด้วยความที่เราเป็นเด็ก การเลือกใช้ภาษา กิริยาท่าทางเลยจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีการใส่สีตีไข่เล็กน้อยหรือเอนเตอร์เทนล้นเกินไป พอกลับไปดูคลิปเมื่อก่อนจะไม่ค่อยชอบละ แต่ถ้าดูคลิปตอนนี้จะมีความเป็นแม่เลย แม่พูดยังไงก็เล่าอย่างงั้น เลยทำให้คนรู้สึกว่า แม่! ที่ใส่หมวกเนี่ยคือแม่นะ (ไม่ใช่มะเฟือง)
เล่าให้ฟังหน่อยว่าแม่เลี้ยงมะเฟืองมาแบบไหน ความสัมพันธ์เป็นยังไง
แม่กับเฟืองสนิทกัน เฟืองเป็นลูกคนเดียวและเสียพ่อไปตั้งแต่ม.5 เฟืองก็เลยอยู่กับแม่มาโดยตลอด การเลี้ยงของแม่ก็คือเน้นให้ออกไปใช้ชีวิต แม่ไม่เคยห้ามที่จะทำอะไรเลย เขาก็บ่นในฐานะคนเป็นแม่ทั่วไป แต่เขาจะไม่หยุดให้เฟืองคิดนู่นคิดนี่ แต่ด้วยความที่แม่ไม่มีเงินสนับสนุน 100% เพราะเฟืองฝันเกินตัว เช่น เฟืองฝันอยากไป work and travel ซึ่งแม่ไม่สามารถทำได้ เฟืองเลยต้องมีความ independent (อยู่ได้ด้วยตัวเอง) ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องหาเงินเพื่อทำตามความฝันด้วยตัวเอง เพราะว่าเหตุนี้แม่เลยไม่ขอกลับตอนที่เฟืองโตแล้ว เพราะว่าทุกอย่างที่เฟืองอยากได้ เฟืองหาด้วยตัวเอง
ตอนเด็กๆ เฟืองช่วยแม่ขายของทุกอย่าง จนจุดหนึ่งที่เฟืองโตไปเรียนมหาวิทยาลัย เฟืองเลยเห็นว่าแม่ลำบากมายังไง ด้วยความที่เราเข้าใจกันทั้งคู่ เวลาเฟืองทำคลิปเราเลยไม่มีพันธะต่อกัน เรารักกันในแบบเพื่อนมากกว่า เพราะว่าเฟืองกับแม่ค่อนข้างสนิทกันมาก
แต่จะมีบ้างที่เขาไม่เข้าใจแต่ก็พร้อมที่จะฟัง เช่น เฟืองเป็นคนที่อ่านการ์ตูนวายตั้งแต่ป. 6 โหย แม่โกรธ ฉีกเลย ไม่เข้าใจ แต่ว่าพอหลังจากวันนั้นเขาเห็นเฟืองเสียใจ เขาก็เข้ามาถาม แล้วเราก็ทำความเข้าใจกัน ตอนนี้ก็คือ เวลาไปเที่ยว แม่ก็จะบอกว่าการ์ตูนผู้ชายแบบนี้ อันนี้นมใหญ่มากชอบไหม (หัวเราะ) ก็แบบ ฉันไม่น่าเล่าหรือเปล่า
ดูเป็นคนที่พร้อมปรับตัวเข้าหาลูก
แม่เขาเป็นคนที่ปรับตัวง่ายมาก แต่ว่าก็เหมือนแม่ทุกคนที่ตอนแรกจะไม่เข้าใจ ก็ขอบคุณที่เขาเข้าใจ ฉันอ่านให้เธอเห็นดีกว่าฉันไปแอบอ่านหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการกระทำทุกอย่างของเฟืองจะอยู่ในสายตาแม่หมดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แม่ก็จะพยายามเข้าใจว่ามันเป็นไปตามวัย
ตอนแรกที่ทำคลิปเล่นๆ จำได้ไหมว่ามันเริ่มดังตอนไหน ทำไมมันถึงแมส
คิดว่ามันน่าจะเริ่มตั้งแต่แรก เพราะเราโชคดี เราทำคลิปลงในแพลตฟอร์ม Vine เป็นคนแรกๆ ของไทย ตอนได้ยอดวิวมาราว 20 ล้านลูป (หน่วย) ซึ่งตอนนั้นถือว่าเยอะมาก มันก็เริ่มรู้สึกได้ว่าตอนออกไปข้างนอกคนก็จะเริ่มทัก แต่ว่าแม่ยังไม่เคยมาเห็น แม่จะรู้แค่ว่าเราได้ออกรายการเด็กดีนะ แล้วมีน้องๆ ที่รู้จัก เพราะเฟืองจะชอบเล่าเวลาที่ได้ไปทำงานเรื่องการศึกษา เขาก็จะดีใจ แล้วหลังจากนั้นชีวิตก็ไม่ได้มีอะไร เฟืองก็เปลี่ยนตีมคลิปไปตามปี เป็นเรื่องเพื่อน การศึกษา เรื่องแม่
เรามีวิธีการคัดเลือกคอนเทนต์อย่างไร ประเด็นที่เลือก insight ในการเล่าเรื่องแม่ต้องเป็นแบบไหน
ทำคลิปแม่เนี่ยต้องคิดให้เหมือนแม่ ถึงจะได้ประโยคที่รู้สึกว่าเป็นแม่พูด เพราะฉะนั้นเฟืองจะต้องคิดว่าถ้าแม่ดูคลิปเด็กกตัญญู แม่จะพูดยังไงกับเรา แม่รู้สึกว่าน้องขยัน น้องไปทำงาน น้องหาเงินให้แม่ นี่เป็น pain point หลัก ส่วนเฟืองก็คือฉันทำงาน ฉันทำงานที่บ้าน แล้วแม่มาเห็นฉัน ฉันเล่นคอมฯ ในความคิดผู้ใหญ่เวลาเห็นลูกเล่นคอมฯ เขาจะไม่ค่อยเข้าใจการทำงานที่บ้าน (Work from home) แล้วเราก็ต้องคิดต่อว่าถ้าเขาไม่เข้าใจการทำงานที่บ้าน เขาจะคิดว่าเราทำอะไร ถ้าแม่เข้าใจว่าเฟืองเล่นคอมฯ เพื่อเล่นเกม แต่เฟืองไม่ได้เล่น เฟืองจะตอบแม่ยังไง มันทำให้เราเข้าใจจุดสองจุดว่าแม่คิดยังไง
ทุกๆ คำที่แม่พูดมันไม่ใช่อารมณ์ประชด เขาอยากจะเห็นเราออกไปทำงาน หรือให้เราเก็บเงิน แล้วเราอยากจะตอบกลับสิ่งนี้ในหัวแม่ว่ายังไง ก็ตอบกลับแค่ว่าโอเค เพราะเฟืองเข้าใจว่าแม่คิดอะไรอยู่
คลิปทุกคลิปจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมันมีความเชื่อมโยงกับตัวเฟือง เฟืองจะไม่ทำคลิปตามคำขอของแฟนคลับ ไม่ใช่เพราะไม่สนใจแฟนคลับ แต่เพราะทำไปก็จะรู้ว่ามันไม่จริง เฟืองไม่ชอบเวลาที่ตัวเองมาดูคลิปแล้วรู้สึกว่ากูแสดงนี่หว่า กูไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ซึ่งเรื่องของแม่ 100% คือเจอจริงๆ (หัวเราะ) แต่มันอาจจะไม่ใช่คำพูดแม่ทุกอัน บางอันก็ใส่สีตีไข่เล็กน้อย แต่ว่านั่นคือเหตุการณ์จริงนะคะทุกคน
ตอนแรกๆ มันคือการเถียงแม่จริงๆ ใช่ไหม เหตุการณ์มันค่อนข้างออร์แกนิกมากเนอะ
ใช่ๆ ทุกอย่างที่ทำคือมีพื้นฐานจากอายุเลยค่ะ เฟืองเป็นคนพูดมากเหมือนเดิม แต่คิดเยอะขึ้น เมื่อก่อนตอนอายุราว17 ปีจะคิดน้อยมาก พิมพ์คำหยาบในคลิปเลย แต่พอโตขึ้นมาก็ไม่พูดแล้ว ไม่ใช่เพราะเป็น influencer เลยไม่พูด แต่เพราะเราโตขึ้น สายงานที่ทำมันต้องการความใจเย็นมากๆ เลยกลายเป็นคนที่ใจเย็นลง
ช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีทำคลิปแบบนี้ มะเฟืองเหมือนเป็นตัวแทนลูกของหมู่บ้านคนวัยเดียวกัน สังคมยังไม่ได้ดำเนินมาถึงในยุคที่คนกล้าจะเผยว่าตัวเองต่อล้อต่อเถียงผู้ใหญ่ได้เท่าตอนนี้ พ่อแม่ยังต้องเป็นคนที่เราต้องเคารพเทิดทูน ห้ามไปก้าวล่วง เราคิดว่ามีข้อจำกัดในด้านนี้ไหม
วิธีการคิดเหมือนกันเลยค่ะ คือพยายามที่จะทำคลิปให้รู้สึกว่าสื่อมาจากใจมากที่สุด เฟืองกับแม่ไม่ได้มองกันว่าแม่เป็นพระเจ้า หรือเป็นคนที่ต้องต่อล้อต่อเถียง ด้วยความที่เฟืองทำงานตั้งแต่เด็ก ไม่ขอเงินพ่อแม่ แล้วแม่เฟืองก็ไม่ใช่คนที่เรียกร้องว่าต้องเอากลับ เธอทำงานแล้วต้องส่งเงินให้ฉัน พวกเราเลยไม่มีอะไรติดค้างกัน เฟืองเลยไม่ได้มองว่านี่คือพระเจ้า แม่ก็เข้าใจว่าแม่อยากมีเรา เลยเป็นข้อดีของการที่เฟืองกับแม่สามารถทำคลิปได้โดยที่ไม่ต้องมีอะไรมากั้น เพราะฉะนั้นคลิปตอนเด็กเลยจะสื่อว่าฉันเบื่อ ฉันเถียงได้อย่าง 100% เราเลยมี engage ที่หลุดมาจากคลิปพ่อแม่ ณ ตอนนั้น
ตอนนี้ไม่เถียงแม่แต่ก็ยังเคารพแม่อยู่ ข้อดีหลักๆ คือเรากับแม่สนิทกันด้วยแหละ
ตอนเด็กๆ ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพเขาด้วยใช่ไหม
ใช่ๆ เราเคารพค่ะ เถียงเพราะเป็นเด็ก เป็นคนขี้เถียง เอาชนะสุดๆ แต่ตอนนี้จะเอาอะไรแบบนั้นไปใช้กับลูกค้าแทนละ ไม่ใช้กับแม่ (หัวเราะ)
สิ่งที่เห็นและรู้สึกได้ชัดเจนคือความย้อนแย้งในคลิปของมะเฟือง เหตุการณ์ที่ควรจะเป็นกลับกลายเป็นอีกแบบ เรียบง่ายแต่ก็ทำให้คนมีความรู้สึกร่วมได้
ตอนเด็กๆ เฟืองก็จะรู้สึกเชื่อมโยงกับครู เพื่อน หรือว่าการเรียน ซึ่งทั้งสามเรื่องนี้มันไม่ได้ทำยากมากเพราะว่ามันไม่ได้มีการตอบโต้เยอะเท่ากับเรื่องของแม่
การเรียนส่วนใหญ่จะเป็นคลิปที่พูดไปเรื่อยๆ ว่า สอบเรื่องนี้ เราเจออะไร แล้วก็จะเป็นความเห็นว่าเราไม่ชอบยังไงบ้าง ถ้าเป็นเรื่องเพื่อนจะเน้นทำตลกบ้าง เช่น บ่นเรื่องที่เพื่อนได้คะแนนเยอะแต่บอกว่าน้อย หรือบ่นกับเพื่อนว่าถ้าฉันใส่ชุดพละมาคนเดียว จะเป็นยังไง เราจะเน้นเล่นกับเสียงดนตรีมากกว่า เพราะยุคนั้นเป็นยุคที่ใช้เสียงดนตรีในการทำคลิป
แต่พอโตขึ้นแล้วคลิปเป็นเรื่องของแม่ เฟืองไม่ชอบเน้นเสียงดนตรี แต่ชอบให้ทุกคนรู้สึกว่าเราได้ดูแม่เรา บางคนที่ไม่สามารถตอบโต้กลับได้ ถ้าเขามาดูคลิปแล้วเขาจะคิดว่าเออเนี่ย แม่เลยนะเนี่ย รู้สึกเหมือนกันเลย เฟืองจะชอบความรู้สึกนั้นที่ได้อ่านจากคอมเมนต์ของคนมากกว่า มันเลยจะเป็นคลิปที่แม่พูดซะมากกว่า เป็นตัวแทนที่ทำให้คนรู้สึกว่าฉันไม่กล้าเถียงแม่ ณ ตอนนั้น แต่ฉันสามารถพิมพ์หามะเฟืองได้ว่าเป็นเหมือนกันเลย เฟืองเลยอยากจะเป็นคนนั้นให้มากกว่า
เมื่อฉันถ่ายรูปบรรยากาศนอกบ้านให้แม่ดู… และโดนนางตุ๊กตาทองคำกลับ 1
พอทำคลิปมาเรื่อยๆ แล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ เราเริ่มมีจุดมุ่งหมายของการทำคลิปไหม
เฟืองไม่ได้มีจุดประสงค์ในการทำคลิปมากมายหรือยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ที่ทำทุกวันนี้ก็ไม่ได้เงินนะ ถ้าคนมาชอบแล้วตามเฟืองก็ดีใจ แต่เฟืองไม่ได้ตั้งใจทำคลิปเพื่อให้ได้ยอดอะไรเลย เพราะฉะนั้นจุดประสงค์คือถ้าคุณเข้ามาแล้วรู้สึกเชื่อมโยง เฟืองก็ดีใจแล้ว แค่ได้เห็นเขาเมนต์ เฟืองก็ภูมิใจแล้ว เฟืองทำมา 7 ปีแล้วค่ะ การที่มีคนยังอยู่ตรงนี้สำหรับคนที่ทำเพจมา 7 ปีมันยากมากๆ
การทำคลิปแบบนี้ของเรามันเห็นว่าตัวตนเราเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอย่างไร ทั้งความคิดของตัวเองและความคิดที่มีต่อแม่
ก็เปลี่ยนไปนะคะ ตอนเด็กไม่เข้าใจแม่หรอก จะเถียงไว้ก่อนเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ผิด จนโตมาหันกลับไปมอง ก็รู้สึกว่าผิดนะ มึงอะผิดเนาะมะเฟือง พอเราใช้สายตาของผู้ใหญ่มองไอ้เด็กคนนั้นน่ะ มันก็ผิดจริงๆ บางอย่างเราสามารถใจเย็นแล้วปล่อยให้มันซาได้
แต่ว่ามันจะต้องมีจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าโตได้อีก แล้วทุกวันนี้ก็ยังโตได้มากกว่าวันนี้ด้วยซ้ำ เรากลายเป็นคนที่ใจเย็นมากขึ้น แล้วทุกวันนี้ที่ไม่เถียงไม่ใช่เพราะไม่อยากเถียง แต่เข้าใจว่าแม่เรากังวลแต่เขาแสดงออกไม่เก่ง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำหรือพูดยังไงดี เพราะว่าเขาก็ไม่ได้โดนเลี้ยงมาแบบนั้น ทางที่ดีถ้าเราไม่ชอบ โตไปก็อย่าเป็นแบบนั้นก็พอแล้ว
พอเราเข้าใจแม่ เราก็จะไม่โกรธเขา เราก็จะอยู่กันด้วยการปรองดอง มีความสุข ซึ่งสามสี่วันอาจจะเจออะไรก็ไม่รู้อีก และอาจจะเป็นคลิปอีกในอนาคตก็ได้
พอทำคลิปแม่แล้วยิ่งอยากให้มันดูธรรมชาติ เราก็ต้องคิดให้มันธรรมชาติ เลยกลายเป็นว่าเข้าใจเขาไปแล้ว
เราไม่ได้เก็บมาเครียดใช่ไหม
ไม่ค่ะ เฟืองพูดกับแม่ตรงๆ ทุกเรื่อง ถ้าเฟืองรู้สึกไม่พอใจจริงๆ จะพูดออกมา เช่น ถ้าแม่ไม่เข้าใจการทำงานที่บ้าน ก็จะบอกให้แม่มาดู นี่ ตาราง excel นี่คืองานที่ทำให้หนูมีเงินทุกเดือน แต่บางทีเขาจะลืมแล้วเขาก็จะพูดขึ้นมาอีก อารมณ์แบบพูดไปก่อน มันก็เรียนรู้กันไปค่ะ วันหนึ่งเราอาจจะเป็นแบบเขาก็ได้ แล้วเราจะโทษใครล่ะ
มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ดีเนอะ เหมือนมันเติบโตไปด้วยกัน แม่ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ได้เพอเฟ็กต์
ไม่เลย เฟืองด้วย เฟืองรู้สึกว่าเฟืองกับแม่ก็ไม่ได้เป็นคนดี เพอร์เฟ็กต์อะไรขนาดนั้น
วิธีการในการทำความเข้าใจแม่ของมะเฟืองดูมีวุฒิภาวะมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การคิดว่า เพราะแม่โตมาแบบนี้ แม่เลยทำแบบนี้ วิธีคิดแบบนี้มันช่วยเกลาความเป็นตัวเราอย่างไร
ด้วยความที่เวลาเรามีชื่อเสียงในโลกอินเทอร์เน็ต แล้วเราอยากจะบ่นอะไร ถ้าเราพลาดทีหนึ่ง เราอาจจะโดนทัวร์ลงเยอะมาก สมัยเด็กๆ ก็มีคลิปที่ลงแบบไม่ได้ตริตรอง ก็ได้รับการ educate จนเฟืองเป็นเฟืองทุกวันนี้ มันเลยทำให้เราเป็นพวกมองโลกได้เยอะมากขึ้น หรือเฟืองรู้ว่ายายเฟืองเลี้ยงแม่มายังไง แล้วก็รู้ว่ากว่าแม่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ เขาก็คงเหนื่อยในรูปแบบของเขา เฟืองเข้าใจปัญหาว่าเราเรียกร้องอะไรมากไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น เลยเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเฟืองไม่อยากเถียงแล้ว
เฟืองออกไปใช้ชีวิตเพราะว่าแม่ไม่ได้ห้าม แล้วก็ทำตัวเองให้ไม่เหมือนกับสิ่งที่เราไม่ชอบดีกว่า เพราะเราเห็นมากับตาว่าแม่โตมายังไง เราก็เลยเข้าใจว่าเขาเองก็น่าสงสาร แล้วตอนที่เขาน่าสงสารเขาก็ไม่ได้มีใคร แต่ตอนนี้เรายังมีเขาแหละที่ฟังอยู่
มีคลิปไหนที่รู้สึกว่ามันคือการแสดงออกที่รุนแรง แล้วเราก็เรียนรู้ว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว
อาจจะเป็นคลิปที่ตะโกนเถียงกับแม่เลยในทุกๆ คลิปเลย แบบ แล้วแม่จะด่าทำไมวะ อะไรแบบนี้ สมัยนั้นมันไม่รู้สึกผิดหรอก เราตะโกน แม่ก็จะตะโกนกลับมา มันก็นาน ซึ่งถ้าเป็น ณ ตอนนี้เราจะไม่พูดแล้ว ใจเย็นลง
มนุษย์แม่มีมุมที่เป็นมนุษย์มากเหมือนกับทุกคน เราหยอกล้อกับแม่ได้ปกติ แต่พอทำคลิปออกมา อาจจะมีคนมองแล้วตัดสิน ยิ่งภาพของแม่กับลูกในบริบทสังคมไทยก็ยังเข้มข้น มะเฟืองคิดกับเรื่องนี้ยังไง
เฟืองไม่ตอบคอมเมนต์ แต่จะตอบต่อเมื่อมันลามมาถึงครอบครัวเฟืองหรือแม่เฟือง แฟนคลับที่ตามมาจะได้ยินผ่านหูอยู่แล้วว่าทุกๆ คลิปแม่ได้ดูหมด นั่นหมายความว่าเขาจะรู้ความสัมพันธ์ของแม่กับเฟืองประมาณหนึ่ง แต่เฟืองจะลบคอมเมนต์ที่มีคำว่า ‘เกลียดแม่มะเฟืองว่ะ’ หรืออะไรแบบนี้ ซึ่งตัวเฟืองเองไม่ใช่คนที่สนใจคำด่าในเน็ตเพราะเจอมาเยอะ แต่ว่าเฟืองจะไม่ชอบเวลาคนพูดถึงแม่ไม่ดี ก็จะตอบกลับไปว่าสนิทกับแม่ดีค่ะ
แต่ถ้าถามว่ากลัวไหม เป็นคนไม่อยากจะเอาเรื่องในโซเชียลมีเดียที่เราอยากจะทำให้คนรู้สึกเชื่อมโยงและหาที่ระบายเข้ามาอยู่ในชีวิตเรา เวลาคนอยากเห็นแม่ตัวจริงก็จะไม่ค่อยลงเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ถามว่าแม่รู้ไหม แม่ก็รู้เพราะเขาอ่านคอมเมนต์ แต่เฟืองก็จะพูดกับแม่ว่าอย่าไปสนใจมากนะ
พอเกิดเห็นเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแบบควบคุมไม่ได้ มะเฟืองคุยกับแม่ยังไง มีสิ่งที่เขากังวลไหม
เฟืองเคยเจอคอมเมนต์ว่า ‘ถ้าวันหนึ่งไม่มีแม่แล้วจะรู้สึก’ จะเป็นผู้ใหญ่ที่เขากังวลว่าเรา disrespect (ไม่เคารพ) แม่ขนาดนั้นเลยไหม ก็ต้องเรียนตามตรงว่าเราไม่ได้มีความคิดมุ่งร้ายต่อแม่เลย บางคนมาด่าหยาบเลยทั้งๆ ที่คลิปไม่มีคำหยาบ เขาอาจจะไม่ชอบที่เราเอามาแม่มาเล่นตลก แต่ถ้าถามแม่เฟือง เขารู้สึกตลกกับสิ่งที่จะเห็นในคอมเมนต์ค่ะ เขาเป็นคนไม่เครียด เพราะว่าเขารู้ว่ามันเป็นคลิป เขาก็เอาไปแชร์ไปตลกกัน แต่ถ้าอันไหนหยาบคาย เขาก็จะขอให้เราลบทิ้ง ซึ่งเฟืองก็เห็นด้วยว่าแม่ไม่ควรที่จะมาเจออะไรแบบนี้ เราก็ลบทิ้งให้เขาสบายใจ
นอกจากคอมเมนต์พวกนั้นก็จะเป็นคำหยาบไปเลย เช่น ‘อีเด็กนี่สันดานเสีย’ ซึ่งแม่ก็จะบอกว่าอันนี้เลอะเทอะแล้ว
พอเฟืองได้อ่านคอมเมนต์เหล่านี้ก็เข้าใจว่า เขาอาจจะกลัวที่เราเอาภาพจริงออกมาฉาย พอเห็นคลิปแล้วรู้สึกว่าตัวเองทำแบบนั้นจริงๆ เลยไม่อยากให้คนมาเห็น เหมือนว่าเราทำในสิ่งที่เขาทำ แล้วเขาไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครรับรู้ ซึ่งเฟืองเข้าใจคำพูดที่ว่า ‘ไม่มีแม่แล้วจะรู้สึก’ แต่เฟืองต้องเรียนตามตรงว่าไม่ได้โตมากับครอบครัวที่ต้องกลัวพ่อแม่ เพราะฉะนั้นอยากให้ผู้ใหญ่ทำความเข้าใจด้วยว่ามันมีครอบครัวที่เลี้ยงแบบปล่อยให้ลูกโต ซึ่งเฟืองอยู่ในครอบครัวแบบนี้ เพราะฉะนั้น เฟืองไม่ได้ไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่เฟืองอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่ให้โอกาสให้เราได้แสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ แต่ก้าวแรกมันก็ไม่ง่าย ไม่ได้ทำได้ตั้งแต่แรก อยากให้เข้าใจว่ายังรักแม่มากๆ อยู่นะคะ
แม่คนดีที่ 1 นัมเบอวัน
สิ่งที่เราชอบมากในคลิปมะเฟืองคือ ถ้าพูดในโทนเสียงอีกแบบหรือเล่าแบบไม่ตลก มันจะซีเรียสขึ้นมาเลย เช่น ทำไมแม่ชอบเปรียบเทียบเรากับลูกคนอื่น เอา pain point มาเล่าแบบสนุกสนาน
แบบ เอ๊ย ไม่ต้องเศร้า เดี๋ยวเราเศร้าไปด้วย จะมองแบบนั้นก็ได้ เฟืองคิดเอาเองว่าการเล่าเป็นคลิปมันดีกว่าพิมพ์ เพราะเฟืองพูด ทุกคนได้ยินเสียงเฟือง ทุกคนรู้ภาพรวม แต่ถ้าพิมพ์ว่าแม่เปรียบเทียบกับเพื่อนอีกแล้ว มันจะกลายเป็นกระทู้พันธุ์ทิพย์ แบบ จริงค่ะ แม่ไม่ควรทำแบบนี้เลยนะคะ บลาๆ (หัวเราะ) เพราะเฟืองไม่ชอบความดรามา
แล้วมันน่าจะทำให้คนพอจะรู้สึกถึงหัวจิตหัวใจ หรือลดระดับความเข้มข้นของการตัดสินกันลงมา
เฟืองรู้สึกว่าแม่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นถ้าเรามองให้เป็นเรื่องตลกได้ แล้วแฟนคลับสายคุณแม่ก็มี เขาชอบนะเพราะรู้สึกว่านี่มันคือเรากับลูกหรือเปล่า ด้วยความที่เราฉายภาพเด็กที่ไม่ได้เถียง เพราะเราเองไม่ได้เป็นคนเถียงแม่แล้ว เหมือนการฉายภาพออกไปตรงๆ เลย ไม่ได้ใส่สี แม่เหมือนคุณหรือเปล่า แล้วคุณรู้สึกยังไงบ้าง มันเลยทำให้ทั้งสองคน (แม่กับลูกที่เป็นคนดูคลิป) พอมาอยู่ร่วมกัน เขาอาจจะละมุนลง เช่น คนเป็นแม่จะมองว่า ตลกดี แต่ลูกเราจะโกรธไหม ได้เอากลับไปคิด เฟืองรู้สึกดีนะคะ ถ้าคนดูมีอะไรได้กลับไปคิดก็ดีใจ
อะไรที่ทำให้เราจริงจังขนาดนี้และทำคลิปเกี่ยวกับแม่มาถึง 7 ปี
เฟืองชอบการเติบโตของแฟนคลับ เฟืองไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวมาก เพราะเฟืองไม่มีเวลา เฟืองยุ่งกับเรื่องงานและต้องหาเลี้ยงตัวเอง แต่แฟนคลับยังอยู่ไง จะร้องไห้เลย เลยเป็นแรงผลักดันให้อยากทำ มันอาจจะไม่ได้ถี่เท่ากับ influencer คนอื่นๆ
ทุกวันนี้มีคลิปเกี่ยวกับแม่เยอะมาก ซึ่งเฟืองเป็นหนึ่งในคนทำคลิปนั้น เฟืองก็รู้สึกขอบคุณที่ยังจะเลือกจะดูเฟือง และถ้าเป็นคลิปที่เกี่ยวกับแม่ก็จะพยายามทำให้เชื่อมโยงที่สุด เป็นธรรมชาติที่สุด
แล้วในแง่มุมของตัวเราเองล่ะ คุณค่าภายในที่เห็นว่าชีวิตมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เราทำคลิปด้วยแพชชันเหมือนเดิม
เพจมะเฟืองเองเหมือนเป็นไดอารีค่ะ ตามชื่อเพจเลย ในอนาคต เฟืองอาจจะกลายเป็นแม่ก็ได้ อาจจะมีคลิปกับลูกก็ได้ ถ้าในอนาคตมีงานที่ได้ทำที่ญี่ปุ่นอาจจะเป็นเรื่องใหม่ๆ ที่เอามาเล่าให้ทุกคนฟัง
บางทีเฟืองเครียดๆ ก็จะกลับไปดูคลิปของตัวเอง เช่น เฟืองชอบคลิปชมตัวเองมากเพราะมันทำให้เรารู้สึกฮึดขึ้นมาเวลาที่เศร้าๆ นั่นเป็นคุณค่าในตัวเอง
เราเห็นในคลิปว่าเฟืองสนิทกับแม่ รักกันดี แต่ไม่ใช่ความรักที่สื่อสารแบบหวานแหว๋ว ชีวิตจริงมีความหวานหรือโมเมนต์กับแม่บ้างไหม
เฟืองบอกรักแม่บ่อย แต่ว่ามันก็จะเขินๆ ดูแปลกๆ เฟืองกับแม่ไม่ใช่คู่รักหวานๆ อะ อย่างวันแม่ที่ผ่านมา เฟืองก็จองร้านอาหารให้เขาไปกินซีฟู้ด เขาก็โทรมาบอกว่านะ รักนะ ก็มีบ้างพอสังเขป แต่เฟืองเป็นคนที่บอกรักแม่อยู่แล้วค่ะ รักแม่นะ คิดถึงแม่นะ เพราะว่าเราเข้าใจว่าเขามีเราคนเดียว ตอนนี้เฟืองอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย เฟืองเลยรู้สึกว่าพูดให้เยอะๆ ดีกว่า ด้วยความที่เราเสียพ่อไปแล้ว เราเลยเป็นคนที่กล้าพูดว่ารักแม่ คิดถึงนะ แล้วก็เล่าให้แม่ฟังทุกเรื่องที่อยากเล่า อยากระบาย เพราะว่าเฟืองก็มีแม่คนเดียว
นิยามคำว่าแม่กับลูกของเฟืองคืออะไร
เฟืองคือที่ระบาย คือคนฟัง ส่วนแม่คือคนระบาย หมายถึงเป็นทั้งคนรับและปล่อย แต่เฟืองจะไม่ค่อยปล่อย เฟืองคุยกับแฟนหรือใครก็ได้ แต่แม่เขาไม่มีใคร เขาอยู่คนเดียวกับยาย กับป้า เขาก็จะเล่าให้เราฟัง หรือเราก็สามารถเล่าให้เขาฟังได้
มะเฟืองคือคนที่รับฟัง เฟืองอายุ 26 ปี แต่เฟืองรู้สึกว่าเฟืองไม่ได้อยู่กับแม่แล้วด้วย มันเลยไม่มีพื้นที่ไว้ให้ต่อล้อต่อเถียงกันแล้ว แม่ก็ไม่มีความจำเป็นต่องดึงรั้งเฟืองไว้แล้ว เพราะฉะนั้นเราจะอยู่ในความสัมพันธ์ของผู้ฟังกับผู้ระบายมากกว่า
สามารถพูดได้ว่าเติบโตมาอย่างดีเลยนะ
ถึงบางครั้งจะบ่นแม่แต่ก็รักเขาแหละ (ยิ้ม)