- Shirkers คือสารคดีที่ออกฉายในปี 2018 ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวการย้อนกลับไปสำรวจเหตุการณ์บางเหตุการณ์ในอดีตของผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้อย่างแซนดี ตัน ที่เกี่ยวเนื่องกับม้วนฟิล์มเก็บบันทึกฟุตเทจภาพยนตร์ที่เธอเคยเขียนบทและแสดงนำในวัยเยาว์ ซึ่งถูกขโมยและสูญหายไปกว่า 20 ปีแล้ว
- ตอนที่เป็นวัยรุ่นอายุ 19 แซนดีผู้มีความหลงใหลในการภาพยนตร์อินดีได้รู้จักกับ จอร์จ คาร์โดนา ชายที่ปูมหลังเป็นปริศนาผู้อ้างว่าคร่ำหวอดในวงการ เธอ เขา และเพื่อน ๆ จึงเริ่มทำหนังที่เธอเขียนบทเองและนำแสดงเอง หนังที่หากได้เข้าฉายก็อาจจะมีอิทธิพลจนเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่วันนั้นก็ไม่เคยมาถึงเมื่อม้วนฟิล์มถูกจอร์จยึดครองไว้และไม่ติดต่อแซนดีกลับมาอีกเลย
- Shirkers จึงไม่ใช่เพียงสารคดีที่พาไปสำรวจเรื่องราวของภาพยนตร์ที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันเหมือนสารคดีอีกหลาย ๆ เรื่องในทำนองเดียวกัน แต่มันยังเป็นการตีแผ่เรื่องราวความฝันของเหล่าผู้กำกับไฟแรงที่ถูกพรากไปโดยผู้มีอำนาจ การฉวยโอกาสของผู้ใหญ่ การย้อนกลับไปทบทวนความทรงจำวัยเยาว์ในมุมที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากพอ และการกลับไปเผชิญความจริงที่ไม่อยากรับรู้ เพื่อให้ชีวิตได้ก้าวต่อ
แซนดี ตัน เกิดและเติบโตในสิงคโปร์ ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมในบ้านเกิดจะทำให้เธอได้มาเริ่มชีวิตใหม่ในสหรัฐอเมริกา เธอเติบโตขึ้นเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นักเขียน และผู้กำกับ เรื่องราววันวานในสิงคโปร์อาจใกล้ลบเลือนหายไปจากความทรงจำของแซนดีแล้ว หากในเดือนกันยายน 2011 เธอไม่ได้รับอีเมลจากอดีตภรรยาของจอร์จ คาร์โดนา ชายคนหนึ่งซึ่งเคยมีส่วนสำคัญในชีวิตของเธอก่อนที่เธอจะจากสิงคโปร์มา ว่าเธอพบม้วนฟิล์มที่บันทึกผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของแซนดีอย่าง Shirkers หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไป มันคือภาพยนตร์ที่แซนดีเคยถ่ายทำไว้ในปี 1992 ผลงานที่จอร์จจงใจ ‘ขโมย’ มันไป และการกระทำนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการพรากความฝันวัยเยาว์ของเด็กสาวคนหนึ่งไปด้วย
การปรากฏตัวอีกครั้งของม้วนฟิล์มจากชีวิตแต่หนหลังทำให้แซนดีต้องขุดคุ้ยความทรงจำอันโหวงว่าง จางราง และคลุมเครือ เพื่อหาเหตุผลที่ทำให้จอร์จขโมยผลงานของเธอไป
เรื่องราวการดำดิ่งลงไปในทรงจำของแซนดีถูกถ่ายทอดผ่านสารคดี ‘Shirkers’ ซึ่งใช้ชื่อเดียวกันหนังที่เคยสาบสูญ และ Shirkers ก็ทำให้เราพบว่าบางความทรงจำก็ช่างบิดพลิ้ว ผกผัน และอาจเต็มไปด้วยสิ่งที่เราอาจมองข้ามไปในอดีต แต่กลับปรากฏชัดเมื่อย้อนมองด้วยสายตาที่ผ่านวันเวลามามากกว่าเดิม
เรื่องราวใน Shirkers คือการตัดสลับระหว่างการเดินทางและการสัมภาษณ์เพื่อหาร่องรอยอดีตของแซนดีในปัจจุบัน ฟุตเทจทั่วไปของเธอในวัยเยาว์ และภาพจากม้วนฟิล์มเรื่อง Shirkers ที่เธอเคยถ่ายทำในปี 1992
ในวันที่สิงคโปร์ยังไม่พัฒนา แซนดี ตัน นับว่าเป็นวัยรุ่นผู้มาก่อนกาล เธอสนใจในหนังดี ๆ จากต่างประเทศที่ไม่ได้เข้าฉายในสิงคโปร์ สนใจในวัฒนธรรมเพลงนอกกระแสจากตะวันตก และถึงกับสมัครเป็นนักวิจารณ์เพลงให้กับนิตยสารเพลงใต้ดินตั้งแต่อายุยังน้อย จากนั้นในปี 1992 เธอก็เริ่มเขียนบทและแสดงนำในหนังที่เธอตั้งชื่อให้ว่า Shirkers
ในการถ่ายทำ Shirkers แซนดีมีเพื่อนทั้งสองคนของเธออย่างแจสมิน อึ้ง และ โซฟี ซิดดิด เป็นทีมงานหลัก และมี จอร์จ คาร์โดนาเป็นผู้กำกับและคนที่คอยให้คำปรึกษา ทว่าม้วนฟิล์มที่พวกเขาสู้อุตส่าห์บากบั่นถ่ายทำกลับถูกจอร์จเก็บไว้กับตัวเองและไม่เคยส่งมันคืน กว่าที่แซนดีจะรู้ชะตากรรมของม้วนฟิล์มเหล่านั้นอีกครั้ง ก็ปาเข้าไป 20 ปีให้หลัง แถมม้วนฟิล์มที่พบก็บันทึกไว้ได้เพียงแต่ภาพ แต่ไฟล์เสียงหายไปทั้งหมด
เพียงแค่เห็นฟุตเทจหนังที่เหลืออยู่ในม้วนฟิล์มอันเงียบงันก็ยังพอจะสัมผัสได้ว่า หาก Shirkers ได้ปรากฏสู่สายตาชาวโลก ก็คงไม่ยากนักที่มันจะกลายเป็นหนังซึ่งเปลี่ยนวงการหนังของสิงคโปร์หรือแม้แต่วงการหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ และอาจถือเป็นหนังอินดีแนว road movie เรื่องแรกของสิงคโปร์
การนำม้วนฟิล์มไปแล้วไม่ส่งคืนของจอร์จ จึงไม่เป็นเพียงการขโมยผลงานเท่านั้น แต่มันยังทิ้งความเป็นไปได้ที่ไม่ได้เป็นไว้มากมาย เป็นต้นว่า แซนดีจะกลายเป็นผู้กำกับหญิงจากเอเชียตะวันออกเชียงใต้ที่ยิ่งใหญ่เพียงใดหากหนังเรื่องนี้ได้ฉาย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจได้รู้จักกับผู้กำกับที่งานภาพมีสีสันโดดเด่นราวเวส แอนเดอร์สัน ขณะที่เนื้อหานั้นก็น่าสนใจไม่แพ้หนังของเดวิด ลินช์ ยังไม่นับรวมถึงเรื่องที่ว่าหนังของเธออาจเป็นแรงบันดาลใจและเปิดศักราชใหม่ให้กับวงการหนังในภูมิภาคนี้ และหนังของแซนดียังเปรียบดังบันทึกจดจารอาคารบ้านเรือนและวิถีชีวิตในขวบปีที่สิงคโปร์ยังไม่ถูกกลืนโดยการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เพื่อการเข้าไปแทนที่ของชนชั้นในชุมชน (gentrification) ด้วยเช่นกัน
ความจริงที่น่าเจ็บปวดก็คือ เรื่องราวเกี่ยวกับโอกาสและความฝันที่ถูกขโมยไปโดยผู้ที่มีอำนาจนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่กับแซนดี แต่มันยังเกิดขึ้นบ่อยจนแทบเป็นเรื่องปกติกับเหล่าผู้กำกับ นักแสดง หรือแม้แต่คนตำแหน่งอื่น ๆ ในวงการภาพยนตร์ทั่วโลก โดยเฉพาะของบรรดานักแสดงและผู้กำกับหญิงที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนในวงการที่ชายยังคงเป็นใหญ่ คุณค่าของสารคดีเรื่องนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การพาไปสำรวจตรวจตราความทรงจำของแซนดีกับเรื่องเลวร้ายที่เธอประสบเท่านั้น แต่มันยังเป็นการตีแผ่ปัญหาคาราคาซังในวงการภาพยนตร์อย่างแนบเนียน
ทีละเล็กทีละน้อย เราค่อย ๆ ดำดิ่งลงไปในความทรงจำที่คราวแรกสุกสกาวสดใส เต็มไปด้วยพลังของวัยเยาว์และสีสันที่เธอแต่งแต้มผ่านงานภาพจากเศษซากของ Shirkers ที่คงเหลือไว้ในม้วนฟิล์ม ก่อนที่จะค่อย ๆ ทึมเทาลงเมื่อหนังเริ่มพาเราไปรู้จักกับจอร์จผู้มีสถานะราวผีหรือปีศาจจากต่างมิติในหนังสยองขวัญ ตัวตนของเขาเป็นปริศนา ระบุตำแหน่งแห่งที่ไม่ได้ และไม่ผูกโยงกับสิ่งใดในโลก เรารู้เพียงแค่เขาเป็นชาวอเมริกาและเข้ามาในชีวิตของแซนดีในฐานะครูสอนภาพยนตร์ สำเนียงภาษาอังกฤษของเขาแปลกแปร่งระบุภูมิลำเนาไม่ได้ และเมื่อแซนดีพยายามออกตามหาตัวตนที่แท้จริงและเหตุผลที่ทำให้จอร์จขโมยผลงานของเธอไปในอีก 20 ปีให้หลังด้วยการสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำหนังในครั้งนั้นคนอื่น ๆ เธอก็พบว่า อาจไม่มีตัวตนที่แท้จริงของจอร์จเลย ชีวิตของจอร์จประกอบขึ้นจากเรื่องโกหกซ้อนเรื่องโกหกซ้อนเรื่องโกหก แต่ละคนที่เคยรู้จักกับจอร์จต่างก็มีข้อมูลเกี่ยวกับเขาแตกต่างกันออกไปจนไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้อมูลใดคือเรื่องจริง
กลับกัน สิ่งที่ชัดเจนคืออารมณ์ความรู้สึกของตัวแซนดีเองในช่วงเวลานั้นที่ความทรงจำของเธอเลือกที่จะเก็บหรือทิ้งไว้จนทำให้เรื่องราววัยเยาว์นั้นพร่าเลือน อาจเป็นการเปรียบเทียบอย่างผิดฝาผิดตัว แต่ขณะที่ดูภาพยนตร์เรื่อง Past Lives ที่ว่าด้วยการกลับมาเผชิญหน้ารักครั้งแรกเพื่อก้าวต่อไป ก็ทำให้เรานึกถึง Shirkers ขึ้นมาเช่นกัน ต่างเพียงแค่ Shirkers ไม่ใช่รักแรก ไม่ใช่ความรู้สึกดี ๆ แต่เป็นการกลับไปเผชิญหน้าต้นเหตุที่ทำให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานั้นเลือนราง ต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เธอและเพื่อน ๆ ผู้ทำหนังขจัดพัดพรายกันไป แต่ผลลัพธ์นั้นไม่ต่าง มันคือการกลับไปเผชิญอดีตให้เต็มตาเพื่อทำให้เธอได้ก้าวต่อ
บางทีอาจเป็นเพราะในวัยเด็ก แซนดีไม่ได้กล้าแกร่งมากพอที่จะตั้งคำถามต่อพฤติกรรมแปลกประหลาดของจอร์จ บางทีอาจเป็นเพราะในวัยเด็กนั้น เธอมองจอร์จด้วยสายตาของเด็กมองผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นผู้ชี้แนะให้เธอ ระนาบการมองเห็นจึงเป็นการมองจากล่างขึ้นบน เธอจึงไม่กล้ามองให้พ้นไปจากตัวตนที่จอร์จบอกเธอว่าเขาเป็น แต่เมื่อแซนดีย้อนกลับมาดูฟุตเทจเก่า ๆ ของเธอและจอร์จในวันที่เธอผ่านประสบการณ์ชีวิตมากพอ วันที่เธอเป็นที่ยอมรับในฐานะนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นักเขียน และผู้กำกับ และวันที่ระนาบการมองเห็นของเธอนั้นอยู่ในระนาบเดียวกันกับอีกฝ่าย แซนดีจึงเห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของจอร์จยังคลุมเครืออยู่ก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าค้นหาหรือทำความเข้าใจมากไปกว่าเขาคือคนสับปลับ หลอกลวง และฉวยประโยชน์จากเธอ
ในฟุตเทจหนึ่ง จอร์จชวนแซนดีไปโรดทริปในอเมริกาด้วยกันซึ่งแซนดีก็ตอบตกลง ระหว่างการเดินทาง ขณะที่ทั้งคู่อยู่บนรถ จอร์จขอให้แซนดีลองลูบท้องของเขา แน่นอนว่าจากสายตาของคนนอกและสายตาของแซนดีที่เป็นผู้ใหญ่ การกระทำนั้นแทบจะเรียกได้ว่าการพฤติกรรมการล่อลวงเด็ก แต่แซนดีบอกว่าความรู้สึกของเธอในวัยเยาว์ต่อเหตุการณ์นั้นเป็นเพียงแค่ความสงสัยใคร่รู้เท่านั้น
เมื่อหน้ากากของจอร์จหลุดลอก ก็ไม่มีคำถามหรือเรื่องค้างคาใจหลงเหลือให้แซนดีต้องตามหาอีก เธอให้อภัยจอร์จในสิ่งที่เขาทำลงไปได้ และในขณะเดียวกันเธอก็ได้ทวงคืนสิ่งที่ควรเป็นของเธอมาโดยตลอดมาจากจอร์จShirkers ภาพยนตร์ที่สูญหายไปกับครูจอมหลอกลวงกว่า 20 ปี ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งในสารคดีที่ใช้ชื่อเรื่องเดียวกัน จอร์จไม่อาจเป็นคนสุดท้ายที่ได้แตะต้องหรือครอบครองมันอีกแล้ว ความพยายามฉกฉวยความฝันของเด็กสาวที่เขาทำมาทั้งชีวิตสูญเปล่า และที่แซนดีให้อภัยจอร์จได้ ก็อาจเป็นเพราะนี่คือการแก้แค้นที่เจ็บแสบที่สุดแล้วที่เธอจะทำได้