ในความฝันเราจะเข้มแข็งขึ้น Sleep Like A Child บทเพลงที่ชวนหย่อนใจลงบนหมอน แล้วนอนหลับปุ๋ย

เดือนธันวาคม เดือนที่อากาศดูเหมือนเริ่มเย็นลงจากเดิม แม้จะยังคงความร้อนระอุในช่วงบ่ายตามประสาอากาศเมืองไทยอยู่บ้าง หลายคนลาพักร้อนในเดือนนี้หลังจากเต็มที่กับงานที่ทำมาตลอดทั้งปี หลายคนกำลังอยู่ในช่วง outing ของบริษัท บ้างก็ได้โบนัสก้อนโตพอดิบพอดีกับช่วงชำระหนี้สินและช่วงพักใจวันหยุดยาว บางคนลาออกจากงาน บางคนยังคงมองหางานที่ตัวเองอยากจะทำ ชาวนักเรียนนักศึกษาก็อาจกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ บางคนเตรียมเดินทางกลับบ้าน ขณะที่บางคนยังทำงานเต็มเวลาไม่ได้หยุดพัก บางคนอกหัก บางความรักก็กำลังเบ่งบาน ในเวลาเดียวกันบางคนก็โสดอย่างมั่นคง บ้างก็เหงารับปลายปี อีกหลายเรื่องราวคงกำลังเกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในเดือนธันวาคมเกินจะเขียนให้ครบถ้วน

ที่มา: https://shorturl.asia/dSnW5

ช่วงเวลาใกล้ปีใหม่สำหรับหลายคนดูเหมือนจะเป็นหมุดหมายอันดีในการเริ่มต้นอะไรบางอย่างด้วยความรู้สึกใหม่หลังจากได้เดินทางผ่านเรื่องต่างๆ มาได้ หลายคนเลือกสมมติช่วงเวลานี้ขึ้นเพื่อเป็นช่วงเวลาในการทบทวนชีวิตและวางแผนการเดินทางในปีหน้าเพื่อไปพบกับ “ปีหน้าฟ้าใหม่” ที่หวังว่าจะสว่างสไวกว่าเดิม ทว่าสำหรับหลายคนอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น บางครั้งเรื่องราวหนักหนาที่ได้พานพบมาตลอดทั้งปีก็ต้องใช้เวลาในการตั้งต้นใหม่อีกครั้งนานกว่าที่เราคิด เราอาจเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และทดท้อกับชีวิตจนรู้สึกว่าทางข้างหน้าดูพร่ามัวไม่ชัดเจน มองไม่เห็นว่าจะเป็นปีหน้าฟ้าใหม่ได้อย่างไร
หากว่าช่วงส่งท้ายปีนี้คุณยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยที่กาย อ่อนล้าที่ใจจากสิ่งที่พานพบมา เราจะไม่บอกว่าให้รีบหายเหนื่อยเพื่อเตรียมตัววางแผนสำหรับปีถัดไป ไม่บอกว่าจะต้องเป็นคนที่เก่งขึ้นหรือยอดเยี่ยมขึ้นในปีไหนๆ แต่อยากจะชวนเอนตัวลงพักผ่อนหย่อนใจ และขอมอบเพลงนี้ให้เป็นเพื่อนใจของคุณ

ที่มา: Sleep Like A Child · Joss Stone
Mind Body & Soul ℗ 2004 EMI Music North America

เสียงนุ่มลึกทรงพลังของ Joss Stone นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เอ่ยเอื้อนออกมาในเพลง Sleep Like A Child จากอัลบั้ม Mind Body & Soul อัลบั้มที่สองในชีวิตของเธอที่วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2547 อีกทั้งยังเป็นอัลบั้มที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์เพลงและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในงาน Grammy Awards ปี 2548 อีกด้วย ซึ่งภายในอัลบั้มลือชื่อของเธอนี้มีหลากหลายเพลงที่ชวนขบคิดตั้งคำถามถึงเรื่องชีวิต ความรัก ตัวตนและจิตวิญญาณ เช่นกันกับเพลง Sleep Like A Child ที่มาในจัวหวะเนิบช้าแต่ไม่น่าเบื่อด้วยความหนักเบาของดนตรีและเสียงร้องที่พริ้วไหวราวกับคลื่นทะเลยามใกล้ค่ำ ถ่ายทอดเนื้อหาลุ่มลึกที่ไม่บอกให้เราต้องตามหาความหมายของอะไร ไม่ต้องต่อสู้กับอะไรในเวลานี้ ไม่แม้แต่มองหาแสงสว่างอันใดในความมืดมิดด้วยสายตาที่โรยแรงดวงนั้น

ที่มา: https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5-%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%99-2208931/

เมื่อค่ำคืนมืดมิดมาเยือน เราจะเป็นเพื่อนกัน  

“Tonight when the darkness comes
Why don’t we treat it like a friend”

บทเพลงเริ่มต้นขึ้นด้วยภาพของค่ำคืนและการมาถึงของความ “มืดมิด” เปรียบได้กับการมาถึงของช่วงยามยากลำบากสำหรับคนเรา ความมืดเป็นตัวแทนของความน่าหวาดกลัว ความเจ็บปวด ความผิดหวัง ความเหนื่อยล้าที่ดูเหมือนว่ามนุษย์เราไม่ต้องการประสบพบเจอ และหลายครั้งเมื่อมันก่อตัวขึ้นเราก็มักปฏิเสธและต้องการให้มันไปให้พ้นๆ จากชีวิตของเราในทันที เพลงนี้ไม่ชวนให้เราทะเลาะเบาะแว้งกับความทุกข์ทนของชีวิตแบบนั้น แต่ชวนให้เราลองยอมรับและมองเห็นความมืดมนเหล่านั้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและเป็นเหมือนกับ “เพื่อน” ของเราในค่ำคืนอันยาวนานนี้ บทเพลงเล่าด้วยน้ำเสียงที่เป็นตัวแทนของความเจ็บปวดซึ่งเหมือนกับว่ามาขอเป็นเพื่อนกับเราอย่างละมุนละม่อม เสนอให้เห็นการทำงานกับความเจ็บปวดในฐานะส่วนหนึ่งของชีวิต กล่าวคือชวนให้ลองไม่ปฏิเสธหรือต่อต้านความเจ็บปวด ทว่าตั้งต้นจากรับรู้และยอมรับ “การมีอยู่” ของมัน ซึ่งเป็นขั้นแรกของการก้าวผ่านความเจ็บปวดเหล่านั้น เมื่อเราเป็นเพื่อนกับความมืดมิดที่เดินทางมาถึงได้ ความโดดเดี่ยวที่มีก็จะบรรเทาลงได้บ้าง ในช่วงต้นของบทเพลงก็สรุปเรื่องนี้ได้อย่างอบอุ่นหัวใจว่า

“You won’t be alone
For I will not be denied
Under the darkest of skies
I’m gonna be by your side”

ที่มา: https://pixabay.com/th/photos/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%99-%E0%B8%96%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%87-1149671/

ฉันเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาของคุณ

บทเพลงยังทำให้เรารู้สึกว่าความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดทั้งหลายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลย ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะยากเย็นเพียงใดที่คนเราจะผ่านเรื่องราวในแต่ละวันคืนมาได้ เสียงของ Joss Stone เข้ามาทำงานในดวงตาที่เต็มไปด้วยความโรยแรงของคนคนหนึ่งที่ดิ้นรนและต่อสู้กับเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งปะทะเข้ามา เสียงของเพลงนี้ทำให้เรารู้สึกว่าไม่เป็นไรเลยหากบางครั้งเราจะผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้อย่างเนิบช้า เพราะจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้นในการเคลื่อนสิ่งต่างๆ ให้ “ดำเนินไป” ข้างหน้าในแต่ละวัน การรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยภายในใจนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติและควรที่จะได้รับการเข้าใจอย่างแน่นอน 

“I can see it in your eyes
You’re tired of fighting everyday
Trying to struggle through the night
Yes I know that it’s hard to carry on” 

ในความฝันเราจะเข้มแข็งขึ้น 

“So just lay down your head
And in your dreams you will be strong”

อย่างที่บอกว่าเพลงนี้ไม่ชวนเราออกไปวิ่งแข่งในโลกกว้างหรือต่อสู้กับสิ่งใดเลย แต่มุ่งปลอบประโลมและกล่อมให้เรานอนหลับฝันเพื่อวางหัวใจที่เหนื่อยล้านี้ลงบ้างซึ่งส่งเสียงผ่านท่อนที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาซ้ำๆ อย่าง “Sleep like a child—Peaceful and deep”  ชวนให้เคลิบเคลิ้ม สุขสงบทั้งจากความหมายและน้ำเสียงหนักเบาของผู้ร้อง ชวนให้หวนคิดว่าการต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิตที่ผ่านมาในแต่ละวันนั้นพรากเอา “เวลานอน” หรือในความหมายของการ “พักผ่อน” ไปจากคนเราไม่น้อยเหมือนกัน

ที่มา: https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%9C%E0%B8%84%E0%B8%99-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87-2590616/

ความน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งในท่อนที่ยกมาให้อ่านข้างต้นกับวรรคที่ผู้เขียนอยากจะเรียกเป็นว่าเป็นวรรคทองทั้งในแง่ของเสียงร้องและถ้อยคำคือ “And in your dreams you will be strong” ที่สื่อสารผ่านน้ำเสียงแข็งแรงขึ้นพร้อมดนตรีที่หนักแน่นขึ้นราวกับตั้งใจจะส่งมอบกำลังใจอันทรงพลังทั้งหมดของผู้ร้องและเสียงเพลงออกมาให้ผู้ฟังได้รับอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังมากด้วยความหมาย กล่าวคือเพลงพยายามจะบอกกับเราว่าชวนหลีกหนี วางทุกอย่างลง เอนตัวลงนอนหลับปุ๋ย แล้วความฝันจะช่วยเยียวยาและทำให้เราเข้มแข็งขึ้นได้ ซึ่งบทเพลงในอีกวรรคหนึ่งที่ว่า “You must understand that you can dream of anything” ก็ได้ช่วยอธิบายความหมายเพิ่มเติมให้เห็นว่าเราสามารถที่จะฝันถึงสิ่งใดก็ได้อย่างไม่มีกรอบเกณฑ์มาจำกัด ความฝันหลุดพ้นออกจากโลกความเป็นจริง ในทางหนึ่งบทเพลงก็แสดงถึงพลังภายในตัวเรา ภายในความนึกคิดของเราที่แสดงออกผ่านความฝัน ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงให้กับหัวใจอ่อนล้าได้อย่างงดงามทั้งการเรียบเรียงและถ้อยคำ

ทั้งนี้ในเรื่องของ “ความฝัน” หนังสือ Why We Sleep โดย Matthew Walker ฉบับแปลเป็นภาษาไทยโดย ลลิตา ผลผลา ได้อธิบายไว้ช่วงหนึ่งว่า ‘การนอนหลับฝันเปรียบเสมือนยาหม่องบรรเทาปวด’ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ตั้งต้นจากการตั้งคำถามต่อความเชื่อที่ว่า “เวลาเยียวยาทุกบาดแผล” แล้วเขาก็ค้นพบว่าการหลับฝันต่างหากที่เยียวยาบาดแผลเราอยู่ เขาพัฒนาทฤษฎีขึ้นมาโดยอ้างอิงจากรูปแบบของกิจกรรมในสมองที่ผสมผสานกับกระบวนการทางประสาทเคมี(neurochemistry) ในสมองขณะหลับแบบ REM (Rapid eye movement) หรือการนอนหลับในช่วงหลับฝันที่มีการเคลื่อนไหวตาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทฤษฎีนี้นำไปสู่ข้อคาดเดาที่เฉพาะเจาะจง เขาเห็นว่าการฝันขณะหลับแบบ REM เป็นการบำบัดยามค่ำคืนรูปแบบหนึ่ง กล่าวคือมันช่วยดึงความรู้สึกเจ็บปวดไปจากเหตุการณ์ยากลำบาก สะเทือนอารมณ์หรือถึงขั้นเจ็บปวดรวดร้าวที่คนเราประสบในวันนั้นๆ พร้อมกับ “มอบความมั่นคงทางอารมณ์เมื่อคุณตื่นนอนในเช้าวันต่อมา” โดยหัวใจของทฤษฎีนี้คือในขณะที่เราเข้าสู่สภาวะหลับฝันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงส่วนผสมทางเคมีในสมอง คือความเข้มข้นของสารเคมีหลักที่เกี่ยวกับความเครียดอย่าง นอร์อะดรีนาลิน (noradrenaline) ภายในสมองจะถูกตัดขาดออกไป และการหลับแบบ REM ยังเป็นช่วงเวลาเดียวในรอบ 24 ชั่วโมงที่สมองจะปราศจากโมเลกุลกระตุ้นความกังวลนี้อย่างหมดจด โดยนอร์อะดรีนาลินซึ่งอยู่ในสมองที่ว่านี้เทียบได้กับสารเคมีชนิดหนึ่งในร่างกายของเราที่หลายคนน่าจะรู้จักดีคืออะดรีนาลินนั่นเอง (Matthew Walker, 2563, น.299-300)

ที่มา: https://pixabay.com/th/photos/%E0%B8%9C%E0%B8%84%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%9C%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%87-%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%94-2565169/

แน่นอนว่าการพักผ่อนหย่อนใจไม่ง่ายเลยในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ในแต่ละวัน แต่หากพอจะวางเรื่องราวมากมายลงไว้ก่อนได้แม้สักครู่หนึ่ง ขอให้ลองหย่อนหัวใจลงที่หมอน นอนหลับฝันไปกับค่ำคืนยาวนานนี้ ปล่อยความมืดมิดและความฝันทำงานให้เรามั่นคงขึ้น ค่อยๆ กอบเอาพลังชีวิตมากมายที่ซ่อนอยู่ในตัวของคนเราขึ้นอีกครั้ง เพื่อก้าวต่อไปในเงื่อนไขมากมายที่หยิบยื่นมาให้จากชีวิตและสังคมของเรานี้  

Sleep like a child
Peaceful and deep
And when you lay you down
I pray your soul to keep

อ้างอิง
Joss Stone – Sleep Like A Child : https://www.youtube.com/watch?v=W928pbvq0Q4

https://m.imdb.com/name/nm1510184/bio/?ref_=nm_ov_bio_sm

Matthew Walker.(2563).นอนเปลี่ยนชีวิต[WHR WE SLEEP](พิมพ์ครั้งที่ 1)(ลลิตา ผลผลา, ผู้แปล).กรุงเทพฯ: Bookscape, (ต้นฉบับพิมพ์ ค.ศ. 2017)


Writer

Avatar photo

ศิรินญา

หาทำอะไรไปเรื่อยๆ ตามประสาวัยลุ้น

Illustrator

Avatar photo

พรภวิษย์ เพ็งเอียด

ชอบกินเนื้อต้มและตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้ได้ปีละสามเล่ม

Related Posts