- Turning red คือ ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องล่าสุดจาก Pixar ที่เล่าผ่านเมยหลิน ลูกสาวคนเดียวในครอบครัวคนจีนที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยรุ่นด้วยการเป็นแพนด้าแดง
- การวิ่งสลับบทบาทระหว่างเด็กวัย 13 ปีกับแพนด้าแดงสร้างความสับสนในใจให้เธอไม่น้อย เพราะอาการประหลาดที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นบอกว่า แพนด้าแดงคือสัตว์ร้าย
- ต่อให้พ่อแม่ไม่เข้าใจ แต่เพื่อนเข้าใจ สำหรับเมยแค่นี้ก็พอแล้ว เพราะสุดท้ายพ่อแม่จะไม่เป็นไร แม้ไม่ใช่คนที่ลูกรักที่สุดในโลกก็ตาม แต่ถอยห่างไปนิด เพื่อเปิดพื้นที่ให้ลูกเติบโตและงอกงาม
ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องล่าสุดจาก Pixar ที่มาพร้อมกับความน่ารักนุ่มฟูจนใจเต้น ดำเนินเรื่องผ่าน ‘เมยหลิน’ เด็กน้อยร่าเริงอายุ 13 ปี ลูกสาวคนเดียวในครอบครัวคนจีน
หากใครเคยทุ่มเทให้เพื่อนซี้อย่างสุดหัวใจ เคยแอบชอบใครสักคนจนเก็บไปฝัน เคยหลงใหลคลั่งไคล้วงดนตรี (ที่แม่ไม่เข้าใจ ถึงจะเคยเป็นอย่างนั้นมาแล้วก็เถอะ) ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสัญญาณของวัยพรีทีน ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ช่วงวัยรุ่นเช่นเดียวกันกับเมยหลิน แต่ที่ออกจะต่างจากเด็กสาวทั่วไปสักหน่อยก็ตรงที่เมยจะกลายเป็น ‘แพนด้าแดง’ เมื่อเธอตื่นเต้นสุดขีด
เรียนต้องดี กีฬาต้องเด่น ดนตรีต้องได้ เมยพยายามทำทั้งหมดก็เพื่อให้เธอได้เป็น ‘หนูน้อยเมยเมยสุดเพอร์เฟกต์’ ของพ่อแม่เสมอมา เมื่อเมยพบว่าการที่จู่ๆ ก็ต้องกลายเป็นแพนด้าแดงนั้นเป็นจุดด่างพร้อย ทำให้เธอไม่กล้าเอ่ยปากขอให้ใครช่วยและพยายามก้าวข้ามเรื่องนี้ไปให้ได้ด้วยตัวเอง
จนแล้วจนรอดพ่อแม่ก็รู้เรื่องเข้า พร้อมก้มหน้ายอมรับกับเมยว่าการกลายร่างเป็นแพนด้าแดงนั้นคืออาการประหลาดที่สืบทอดกันในตระกูลและต้องรักษาให้หายโดยเร็วที่สุดเพราะว่าแพนด้าแดงคือ ‘สัตว์ร้าย’
“เรารักเธอเมย ไม่ว่าจะเป็นอะไร”
คือประโยคที่มิเรียม ปรีญา และแอ็บบี้ แก๊งเพื่อนซี้ปึ้กพูดตอนโอบกอดเมยในร่างแพนด้าแดงเอาไว้ ร่างที่เมยไม่อยากให้ใครได้เห็น
พอได้ฟังประโยคนี้ ความกังวลที่เก็บอัดไว้ก็ระเบิดออกมาเป็นน้ำตา เมยค่อยๆ ผ่อนคลายลง ด้วยคำพูดที่แสนเรียบง่าย คลายความหนักอึ้งในใจให้เบาราวกับไม่เคยแบกมาก่อน
สายสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนซี้ ทำให้เมยค้นพบวิธีรับมือกับแพนด้าแดงของตัวเอง เพียงหลับตาแล้วนึกถึงการกอดปลอบและยอมรับจากเพื่อน หากให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนกับการเปิดประตูไปสู่พื้นที่ปลอดภัยในใจของเมย
ในระหว่างทางของการรักษาอาการเป็นแพนด้าแดง เมยได้ทำความรู้จักและเรียนรู้กับตัวตนใหม่ ได้เป็นที่ยอมรับจากเพื่อนฝูง ได้เต้นส่ายก้น ได้สนุกสนานและหลงรักตัวตนด้านนี้ของตัวเองโดยที่พ่อแม่ไม่รับรู้แม้แต่น้อย และเมยเองก็ไม่กล้าเปิดใจบอกกับแม่ไปตรงๆ ว่าเธอรู้สึกอย่างไร ด้วยความกลัวในใจว่าแม่จะผิดหวังและไม่ยอมรับ
“หนูรู้แล้วว่าหนูอยากเป็นอะไร แต่หนูกลัวว่ามันจะพรากหนูไปจากแม่”
ประโยคจากเมยถึงแม่ที่สะท้อนให้เห็นว่าแม่ยังคงสำคัญเสมอ ถึงแม้ว่าพอเมยหลับตาแล้วนึกถึงคนที่ตัวเองรักที่สุดในโลก ภาพที่ปรากฏขึ้นมาจะไม่ใช่พ่อแม่แต่เป็นแก๊งเพื่อนซี้ แต่นั่นก็ไม่เป็นไรเลยถ้าพ่อแม่จะไม่ใช่อันดับหนึ่งตลอดกาลของลูก เมยไม่ได้ต้องการผลักไสแม่ออกไปจากโลกของเธอ และยังคงต้องการให้แม่คอยเคียงข้าง เขยิบห่างออกไปนิด แต่คอยเอาใจช่วยกับสิ่งที่เธอรักและยอมรับเธอในแบบที่เธอเป็น เพื่อให้เมยได้มีพื้นที่งอกงามและเติบโต