- ห้องเรียน 3-E ศูนย์รวมของเหล่านักเรียนตกอันดับของโรงเรียนเตรียมอุดมแนวหน้าของประเทศอย่าง ‘โรงเรียนคุนุกิงาโอกะ’ ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจลอบสังหาร ‘โคโระเซ็นเซย์’ สุดยอดสิ่งมีชีวิตที่ทำลายดวงจันทร์เหลือเพียงครึ่งเสี้ยว และประกาศจะทำลายโลกในอีก 1 ปีข้างหน้า แต่กลับยื่นข้อเสนอขอเป็นครูประจำชั้นของพวกเขา โดยนักเรียนจะต้องทำทุกวิถีทางในการลอบฆ่าเขาให้สำเร็จ เพื่อช่วยโลกและรับเงินรางวัล 10,000 ล้านเยน
- Assassination Classroom ห้องเรียนที่สอนให้รู้ว่าความแตกต่างไม่ใช่เรื่องผิด ลูกศิษย์ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง และนักเรียนห้องตกอันดับก็อยากเป็นที่ยอมรับสำหรับใครสักคน
- “พวกเธอเองก็สนุกกับการเป็นนักเรียนและนักลอบฆ่าให้เต็มที่เถอะครับ” เพราะการเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้และสนุกไปกับมันคือปัจจัยสำคัญ ภารกิจนี้คงไม่สำเร็จ หากนักเรียนห้อง E ที่คิดว่าตนไร้คุณสมบัติไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีความสามารถมากพอพิชิตเป้าหมาย
‘โคโระเซ็นเซย์’ คือฉายาที่นักเรียนห้อง E โรงเรียนคุนุกิงาโอกะ ตั้งให้สุดยอดสิ่งมีชีวิตที่กลายมาเป็นครูประจำชั้นของพวกเขา โดยมีความหมายว่า ‘อาจารย์ที่ฆ่าไม่ตาย’ ด้วยความสามารถในการเคลื่อนไหว 20 มัค หรือเท่าความเร็วเสียง ไม่ว่ากองทัพหรือนักฆ่าระดับประเทศจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถปลิดชีพโคโระเซ็นเซย์ได้ จะต้องใช้กระสุนและใบมีดที่ผลิตพิเศษเท่านั้น แต่การจะเข้าถึงตัวเขาก็อยากเหลือเกิน
Assassination Classroom หรือ ห้องเรียนลอบสังหาร คืออนิเมะแฟนตาซีคอมเมดี้สัญชาติญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องราวมิตรภาพระหว่างนักเรียนตกอันดับและอาจารย์โคโระ สุดยอดสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายปลาหมึกที่ฆ่าไม่ตายและต้องการทำลายโลก
ทว่าอาจารย์โคโระกลับยื่นข้อเสนอให้เหล่านักเรียนที่ขึ้นชื่อว่า ‘ไร้ตัวตน’ สามารถลอบฆ่าตัวเองในระยะประชิดได้ โดยสัญญาว่าจะไม่ทำให้นักเรียนเป็นอันตราย แลกกับการเป็นครูประจำชั้นของห้องเรียนตกอันดับแห่งนี้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยเงื่อนไขทั้งหมดนี้จะถูกเก็บเป็นความลับระหว่างผู้อำนวยการโรงเรียน นักเรียนห้อง E และรัฐบาล
แม้จะไม่มีใครรู้เหตุผลที่เขาอยากเป็นครูประจำชั้นของห้องเรียนตกอันดับแห่งนี้ หรือแม้กระทั่งสาเหตุที่เขาต้องการทำลายโลก แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของห้องเรียนลอบสังหาร จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเหล่านักเรียนตกอันดับต้องเรียนหนังสือไปพร้อมกับการลอบฆ่าอาจารย์ประจำชั้นสุดพิเศษให้ได้ก่อนโลกจะหายไป
เพราะการแบ่งแยกเด็กอย่างสุดโต่งสร้างบาดแผลเล็ก ๆ ในใจ
“ถ้าคะแนนตกมากกว่านี้ อาจจะต้องไปอยู่ห้อง E ก็ได้ ถ้าขืนตกไปที่นั่นได้สิ้นหวังแน่ ถ้าทำเกรดได้ไม่ดีเลิศก็กลับมาไม่ได้” คำพูดจากเด็กห้องท็อปคนหนึ่ง
ห้อง E ถูกให้ฉายาว่า ‘END’ เป็นชั้นเรียนแห่งจุดจบที่ไม่มีเด็กคนไหนในโรงเรียนคุนุกิงาโอกะอยากไป ทั้งโดนดูถูกและถูกเลือกปฏิบัติจากอาจารย์และนักเรียนห้องอื่น ๆ อย่างโจ่งแจ้ง ถูกแยกอาคารเรียนจากตึกเรียนหลักไปอยู่อาคารเก่า ๆ บนเขา ห่างจากตึกเรียนหลักหลายกิโลเมตร
เป็นที่รู้กันว่าหากไม่อยากตกต่ำเหมือนพวกเขาก็ต้องตั้งใจเรียนเข้าไว้ เพราะผลการเรียนและพฤติกรรมจะเป็นตัววัดความเป็นอยู่ของเหล่านักเรียน ด้วยทัศนคติของผู้อำนวยการโรงเรียนที่มองว่า การแบ่งแยกนักเรียนที่เป็นเสียงส่วนน้อยอย่างเด็ดขาดจะทำให้นักเรียนส่วนใหญ่มีความรู้สึกตื่นตัวและอยู่เหนือกว่า จึงพยายามมากขึ้น และโรงเรียนก็จะรักษาภาพลักษณ์โรงเรียนชั้นนำได้
ไม่แปลกใจที่หลายครั้งนักเรียนห้อง E ถูกนักเรียนห้อง A-D ซึ่งมีผลการเรียนเป็นเลิศ พูดจาทับถม ดูถูก หรือแสดงท่าทีรังเกียจ ไม่เพียงเฉพาะนักเรียนด้วยกัน แต่อาจารย์บางคนก็ด้วย
“เป็นพวกตกอันดับของโรงเรียนไม่ใช่เหรอ มาเรียนเอาป่านนี้จะไปมีความหมายอะไร”
คำพูดทำนองนี้กลายเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนห้อง E ได้ยินเป็นประจำ แต่ถึงจะเรียนไม่เก่ง ไม่โดดเด่น ชอบเล่นกีฬามากกว่า หรือมีพฤติกรรมไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่า พวกเขาไร้ความสามารถหรือไม่อยากเรียน
และสิ่งที่แบ่งแยกเหล่านักเรียนคุนุกิงาโอกะออกจากกันที่แท้จริง ไม่ใช่นักเรียนด้วยกัน แต่คือ ‘ระบบ’ ที่ผู้ใหญ่ในโรงเรียนสร้างขึ้นมา
แม้พฤติกรรมดูถูกคนอื่นของนักเรียนห้อง A – D จะไม่น่ารักนัก แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็เป็นเหยื่อของระบบการศึกษาเช่นกัน เหล่านักเรียนตัวท็อปกลายเป็นผลผลิตจากระบบการศึกษาแบบที่ใครต่อใครเชื่อว่าปกติ เรียนต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ท่องตำราไม่หยุดหย่อน แทบไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง
พวกเขากำลังพยายามเอาตัวรอดในโรงเรียนที่ดำเนินไปด้วยระบบที่กดดันพวกเขาอย่างถึงที่สุดไม่ต่างจากนักเรียนห้อง E
ตามความเชื่อของผู้อำนวยการโรงเรียนที่วางโครงสร้างให้มีเด็ก 95 เปอร์เซ็นต์ เรียนดีระดับท็อป แบ่งแยกเด็กอีก 5 เปอร์เซ็นต์ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และไม่ต้องการให้พวกเขาพัฒนาตัวเอง เพราะโรงเรียนต้องการผู้พ่ายแพ้ในการศึกษาเพื่อจะได้มีตัวเปรียบเทียบดี ๆ ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนส่วนใหญ่กลัวการผิดพลาดและตกอันดับ
และแล้วกลุ่มนักเรียนที่ไม่ตรงกับมาตรฐานที่โรงเรียนวางไว้ก็จมปลักอยู่กับที่ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำได้ดีหรือพัฒนาได้ แม้จะได้รับมอบหมายภารกิจที่มีเงินรางวัลถึง 10,000 ล้านเยน แต่นักเรียนส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จ
เพราะแม้แต่ทำผลการเรียนให้ดียังทำไม่ได้ จะลอบฆ่าสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่นักฆ่าระดับประเทศยังทำไม่สำเร็จ คงจะเกินความสามารถของพวกเขา ประกอบกับคำพูดจากเหล่าอาจารย์ที่ตราหน้าว่าพวกเขาเป็นได้แค่ห้องตกอันดับ ไร้คุณสมบัติและไม่มีความสามารถ สุดท้ายแล้ว นักเรียนห้อง 3-E จึงเชื่ออย่างสุดใจว่าตัวเองเป็นเพียงเด็กห้องสุดท้ายที่ไม่ได้เรื่อง และนั่นก็ทำให้การเริ่มต้นใหม่กลายเป็นเรื่องยาก
แววตาสิ้นหวังของเหล่านักเรียนห้องตกอันดับเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดีที่ทำให้เห็นว่าพวกเขายอมรับชะตากรรมที่เป็นอยู่ ราวกับตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของคำดูถูก และบาดแผลเล็ก ๆ เหล่านี้ก็ยากที่จะถูกเยียวยา
‘อาจารย์ปลาหมึก’ และการเจียระไนเหล่านักเรียนให้เฉิดฉาย
แม้ในสายตาของรัฐบาล โคโระเซ็นเซย์จะเป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายต่อโลก แต่เด็ก ๆ ในห้อง E ไม่คิดอย่างนั้น หากไม่นับรูปร่าง เชาวน์ปัญญา และความรวดเร็วที่เหนือมนุษย์ เขาก็เป็นครูคนหนึ่งที่สอนนักเรียนห้อง E อย่างสุดความสามารถ
แม้จะมีบุคลิกซุ่มซ่ามหรือมีพฤติกรรมแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหล่านักเรียนห้อง E นับถืออาจารย์ประจำชั้นคนใหม่อยู่ไม่น้อย และพฤติกรรมที่ยากจะทำความเข้าใจของเขาก็ยิ่งตอกย้ำว่า สุดยอดสิ่งมีชีวิตที่ฆ่าไม่ตายและทำได้แทบทุกอย่าง ก็มีมุมที่อ่อนไหวและไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครเกรงกลัว แถมยังมีความเห็นอกเห็นใจไม่ต่างจากมนุษย์คนหนึ่ง
ความใส่ใจของอาจารย์โคโระสะท้อนออกมาผ่านชีวิตประจำวันของเขา ทุกคาบที่ 6 ของวันพุธ โคโระเซ็นเซย์จะคิดคำถามข้อสอบสำหรับนักเรียนแต่ละคนในห้อง และทุกคนจะได้คำถามที่ไม่เหมือนกันเลย
“ชิบะคุง ทำความเข้าใจรูปทรงพิเศษได้เร็ว ลองตั้งคำถามระดับสูงดูหน่อยดีกว่า”
โคโระเซ็นเซย์ใช้คาบว่าง คิดคำถามบูรณาการทั้งวิชาที่ถนัดและไม่ถนัดเข้าด้วยกันตามระดับความสามารถของเด็กแต่ละคน ด้วยความเร็ว 20 มัค และเชาวน์ปัญญาระดับสูง การจัดสรรคำถามที่เหมาะสมให้นักเรียนรายคนจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ นักเรียนหลาย ๆ คนเริ่มมีแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น มีทั้งคำถามที่พวกเขาตอบได้และคำถามที่ท้าทายความสามารถ ในที่สุด ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนนักเรียนห้อง E ไปทีละนิด
โอกาสในการเป็นที่ยอมรับผ่านภารกิจลอบสังหาร
นอกจากจะตั้งใจสอนและพัฒนาเด็ก ๆ อย่างเต็มที่แล้ว โคโระเซ็นเซย์ยังกระตุ้นให้นักเรียนใช้ความคิดในการสร้างสรรค์แผนการลอบฆ่าเขาอยู่เรื่อย ๆ โดยมีกฎว่าห้ามลอบสังหารในชั่วโมงเรียน เพราะจะรบกวนการเรียนการสอน แต่ไม่ว่าจะถูกโจมตีเมื่อไร โคโระเซ็นเซย์ก็รับมือได้ตลอด
‘สุกิโนะ’ ก็เป็นนักเรียนอีกคนที่พยายามจะลอบฆ่าโคโระเซ็นเซย์แต่ไม่สำเร็จ เขาซุ่มใช้ลูกเบสบอลที่ฝังกระสุนพิเศษเขวี้ยงใส่โคโระเซ็นเซย์ขณะพักผ่อน แน่นอนว่าลูกเบสบอลลูกนี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับอาจารย์ประจำชั้นที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเท่าความเร็วเสียง และสุกิโนะก็คิดไว้อยู่แล้ว
“การลอบฆ่าเมื่อวานเป็นบอลที่ดีมากครับ” โคโระเซ็นเซย์นำลูกเบสบอลกลับมาคืนสุกิโนะ
“พอมาลองคิดดู ความเร็วบอลของผม ไม่มีทางถูกอาจารย์ที่มีความเร็ว 20 มัค ได้หรอก” สุกิโนะตอบ
โคโระเซ็นเซย์จึงถือโอกาสนี้ชวนคุยเรื่องความชอบของเขา และก็ได้รู้ว่า สุกิโนะเคยอยู่ชมรมเบสบอลมาก่อน แต่ถูกห้ามทำกิจกรรมชมรม เพราะผลการเรียนไม่ดี
“เพราะผลการเรียนไม่ดีจึงตกมาอยู่ห้อง E บอกว่าให้ไปตั้งใจเรียนก่อน แต่ช่างมันเถอะครับ เมื่อวานอาจารย์คงเห็นแล้ว บอลของผมช้ามาก เพราะว่าช้าเลยโดนตีได้ ถูกขับให้ออกจากตัวจริง หลังจากนั้นก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน” สุกิโนะบอกด้วยเสียงเศร้า
ได้ยินอย่างนั้น โคโระเซ็นเซย์ก็ใช้หนวดสีเหลืองของตัวเองพันรอบสุกิโนะ พร้อมคำแนะนำที่คาดไม่ถึง
“เมื่อวานได้เห็นฟอร์มการขว้างลูก เลียนแบบพิชเชอร์อาริสะที่ได้ไปเมเจอร์ลีกสินะครับ แต่ถ้าเทียบกับพิชเชอร์อาริสะ กล้ามเนื้อที่ไหล่เธอจัดการไม่ค่อยดีครับ ร่างกายของเธอไม่สามารถขว้างบอลเร็วได้อย่างเขาครับ ไม่ว่าจะเลียนแบบเท่าไหร่” สุกิโนะได้ยินอย่างนั้นก็ใจเสีย
“ว่าแล้ว พรสวรรค์ต่างกันสินะครับ” เขาตอบอย่างเหนื่อยหน่าย คล้ายจะยอมรับชะตากรรม
“แต่อีกด้าน ความอ่อนนุ่มของข้อมือและข้อศอก ฝั่งเธอยอดเยี่ยมกว่าครับ ถ้าฝึกฝนคงเหนือกว่าเขามากครับ ประเมินด้วยหนวดของอาจารย์ที่ไปเทียบมาแล้ว ไม่ผิดแน่” โคโระเซ็นเซย์ลงทุนบินไปนิวยอร์กด้วยความเร็ว 20 มัค เพื่อไปพบนักกีฬาอาริสะด้วยตัวเอง ก่อนจะกลับมาเปิดใจคุยกับสุกิโนะอย่างจริงจัง
ในฐานะอาจารย์ ดูเหมือนว่าสุดยอดสิ่งมีชีวิตจะลงทุนทำเพื่อนักเรียนมากกว่าครูประจำชั้นทั่วไปเกินไปสักหน่อย
“อาจารย์ปกติเขาไม่ทำกันขนาดนั้นหรอก”
“ถึงฉันจะทำลายโลก แต่ก่อนหน้านั้นเป็นอาจารย์ของพวกเธอครับ การหันหน้าหาเข้าหาพวกเธออย่างจริงจัง เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญก่อนจุดจบโลกครับ”
คือคำพูดที่อาจารย์โคโระพูดกับนักเรียนในความดูแล แม้จะประกาศไว้ว่าจะทำลายโลก แต่เมื่ออยู่ในฐานะครูประจำชั้น ‘นักเรียน’ คือสิ่งแรกที่เขาให้ความสำคัญเสมอ
“ประเภทของพรสวรรค์ไม่ได้มีแค่อย่างเดียว ลองค้นหาพรสวรรค์ของเธอที่เข้ากับการลอบฆ่าดูนะครับ”
โคโระเซ็นเซย์แนะนำทิ้งท้าย และประโยคสุดท้ายนี้ก็ทำให้ช่องว่างในใจของสุกิโนะถูกเติมเต็ม ราวกับได้เห็นเส้นทางและเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ จากการชี้นำของอาจารย์ปลาหมึก
โคโระเซ็นเซย์ขัดเกลานักเรียนของเขาให้มีความหวังและเชื่อมั่นในตัวเอง การมาถึงของเขาและคำแนะนำในแบบฉบับสุดยอดสิ่งมีชีวิตได้ขัดเกลานักเรียนห้องตกอันดับผู้สิ้นหวังกับอนาคตได้มีแววตาสดใสอีกครั้ง
โคโระเซ็นเซย์เชื่อว่าทุกแผนการลอบฆ่าที่นักเรียนห้อง E คิดขึ้น จะทำให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างกลับไป อาจารย์ประจำชั้นสุดพิเศษคอยสังเกตและดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ของนักเรียนออกมาช้า ๆ ผ่านแผนลอบฆ่าที่เด็ก ๆ สร้างสรรค์ขึ้น และทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร
เพราะเราทุกคนต่างก็มีคุณค่าในแบบของตัวเอง ไม่ต้องพยายามเก่งเหมือนคนอื่น แต่มองหาสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ใช้ศักยภาพที่ตัวเองมี และฝึกฝนให้เต็มที่ก็พอ
คำให้กำลังใจเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะเป็นสิ่งที่ครูหลายคนมองข้ามไป แต่โคโระเซ็นเซย์ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคำชื่นชมและความเชื่อมั่นที่เขามอบให้นักเรียน กลายเป็นปุ๋ยชั้นดีที่ทำให้เหล่านักเรียนที่ใครต่อใครมองว่าไร้คุณสมบัติ สามารถเฉิดฉายและเติบโตอย่างมั่นคง
“สิ่งที่มอบให้กับพวกเราห้อง E ที่เป็นห้องตกอันดับ คือโอกาสในการเป็นฮีโร่ผู้ช่วยโลก”
ในวันที่พวกเขาไร้ตัวตนและไม่เป็นที่ยอมรับ โคโระเซ็นเซย์ก็ได้ให้โอกาสห้องเรียน 3-E ในการพิสูจน์ตัวเองในฐานะฮีโร่ที่ช่วยโลกไว้ แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง อาจารย์โคโระก็ได้ยอมรับ เชื่อใจ และโอบกอดพวกเขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัวมาตั้งนานแล้ว
การเรียนรู้เกิดขึ้นทุกเวลา ทุกสถานการณ์ และทุกแผนการลอบฆ่า
นอกจากแรงใจที่เพิ่มขึ้น นักเรียนแต่ละคนก็เริ่มมีความหวังว่าจะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จตามไปด้วย
“นักเรียนมัธยมต้นที่คุยเรื่องลอบสังหารอย่างสนุกสนานเป็นเรื่องปกติ ดูยังไงก็ไม่ปกติ แต่ว่าแปลกดี ห้องที่ทำหน้ามีชีวิตชีวาที่สุดในโรงเรียนนี้ก็คือ ห้อง E ที่ต้องลอบสังหารอาจารย์ประจำชั้น”
‘คาราสุมะ’ เจ้าหน้าที่ยอดฝีมือจากกระทรวงกลาโหม ตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นบรรยากาศของนักเรียนทุกห้อง เขาเป็นตัวแทนจากรัฐบาลผู้รับหน้าที่สังเกตการณ์ พ่วงด้วยตำแหน่งอาจารย์วิชาพละ เพื่อเตรียมนักเรียนห้อง E ให้มีทักษะทางกายที่พร้อมสำหรับการลอบสังหารสุดยอดสิ่งมีชีวิต
ไม่แปลกใจที่นักเรียนในชั้นเรียนลอบสังหารของอาจารย์ประจำชั้นเหนือมนุษย์นี้จะมีชีวิตชีวายิ่งกว่านักเรียนห้องอื่น ๆ ระหว่างที่นักเรียนตัวท็อปเคร่งเครียดกับการทำโจทย์ มุ่งมั่นทุกวิถีทางเพื่อผลการเรียนที่ดี เป็นหน้าตาของโรงเรียน จนแทบไม่ได้ใช้ชีวิต การสอนในแบบฉบับของโคโระเซนเซย์กลับเป็นไปในทางตรงข้าม
“พวกเธอเองก็สนุกกับการเป็นนักเรียนและนักลอบฆ่าให้เต็มที่เถอะครับ”
เพราะอยากให้นักเรียนของเขาเรียนรู้อย่างสนุกสนาน ตามสไตล์ที่แต่ละคนถนัด การสอนของอาจารย์โคโระจึงเป็นไปอย่างไม่มีแบบแผน ต่างจากการเรียนการสอนของนักเรียนห้องอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า การมุ่งมั่นเพื่อผลการเรียนที่ดีอย่างนักเรียนห้องอื่นจะเป็นเรื่องไม่ดี โคโระเซ็นเซย์ให้ความสำคัญกับทักษะวิชาการของนักเรียนเช่นกัน
ในช่วงใกล้สอบ เขาถึงกับทำการแยกร่างตัวเองช่วยติววิชาที่นักเรียนแต่ละคนไม่ถนัดด้วยตัวเอง เอาจริงเอาจัง ให้ความสำคัญกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และไม่ละเลยหน้าที่ครูประจำชั้นแม้แต่น้อย
“การศึกษาที่ไม่เหมือนปกตินี้ ผมกลับดีใจเหมือนคนปกติ เพราะอาจารย์ที่ไม่เหมือนปกติคนนี้ มองพวกเราอย่างตรงไปตรงมา” ความเห็นจากนางิสะ หนึ่งในนักเรียนห้อง E ต่ออาจารย์ปลาหมึก
ในที่สุดนักเรียนห้องสุดท้ายก็ได้เจออาจารย์ที่เข้าใจ มองเห็นตัวตนของนักเรียนอย่างแท้จริง พร้อมจะสนับสนุนพวกเขาอย่างที่เป็น และให้คำแนะนำด้วยความจริงใจ
แม้จะเป็นเด็กเรียนไม่ดี ไม่มีจุดเด่น ไม่ตรงตามมาตรฐาน หรือเป็นความผิดพลาดของโรงเรียน แต่พวกเขาทุกคนก็สามารถเติบโตอย่างงดงามได้ หากมีใครสักคนที่เคารพความชอบและยอมรับในตัวตนของเด็ก ๆ อย่างตรงไปตรงมา
ความทุ่มเทใส่ใจและจิตวิญญาณความเป็นครูของอาจารย์โคโระ ทำให้เราเชื่อว่า แม้เขาจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้มีความเร็ว 20 มัค มีแขนมีขาไม่ใช่หนวด 8 เส้น เขาก็จะเป็นครูที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเรียนตลอดกาล
เพราะโคโระเซ็นเซย์เป็นอาจารย์ประเภทที่เชื่อใจนักเรียนเต็มร้อย มั่นใจว่าเด็กทุกคนมีคุณค่าในแบบของตัวเอง และพวกเขาทุกคนสมควรได้รับการโอบกอด ไม่ว่าจะอยู่โรงเรียนไหน หรือสถานภาพใด
“ไม่ว่าจะอาศัยในน้ำนิ่งหรือน้ำโคลน ถ้าว่ายไปข้างหน้า ปลาก็จะเติบโตขึ้นอย่างงดงามครับ”