สวัสดีค่ะ พี่แหม่ม
หนูคือ first jobber ที่เกิดมาตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง โตมาก็เจอกับความขัดแย้งทางการเมือง เรียนจบพร้อมโควิด และทำงานในภาวะที่โลกเรากำลังจะเกิดสงครามคล้ายๆ สงครามโลกครั้งที่สามจนรู้สึกว่านี่เราเกิดผิดยุคหรือเปล่า
สงครามนั้นคือ สงครามยูเครน-รัสเซีย หนูมองว่าสงครามที่เกิดขึ้นมันมาจากคนกลุ่มหนึ่ง แต่แลกมาด้วยชีวิต ความเจ็บปวด และบาดแผลที่ฝังใจไปตลอดชีวิต
ในช่วงแรกๆ ของสงคราม หนูเป็นคนหนึ่งที่มองว่า สงครามสองประเทศไม่เกี่ยวอะไรกับเราหรอก ประเทศเราอยู่ห่างจากสองประเทศนี้จะตาย ไม่ว่ายังไงเราก็รอด
แต่เมื่อสงครามมันทวีความรุนแรงมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นอีก จนบ้านแทบจะไม่เป็นบ้าน เมืองแทบจะไม่เป็นเมือง ร่องรอยของสงครามเหลือเพียงรอยไหม้และรอยระเบิด หนูเริ่มคิดได้ว่า ผู้ใหญ่อย่างเราไม่ควรจะมอบบาดแผลให้เด็กๆ ไปมากกว่านี้อีกแล้ว
และในยุคที่ข่าวสารถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วและมีเด็กๆ ที่ต้องเห็นภาพสงครามบ้างไม่มากก็น้อย หนูก็เริ่มคิดว่า ถ้าเด็กไทยตั้งคำถามกับสงครามในต่างแดนนี้ว่า ทำไมผู้คนต้องล้มตาย ทำไมต้องทิ้งระเบิด ทำไมครอบครัวถึงไม่อยู่ด้วยกัน พ่อแม่จะตอบลูกยังไง
หนูเองก็มีหลานวัยอนุบาล เลยอยากปรึกษาพี่แหม่มค่ะว่า ถ้าหลานมาถามหนูจริงๆ หนูจะตอบหลานยังไงดีคะ เพื่อที่จะทำให้คำว่าสงครามไม่เป็นคำที่ดูน่ากลัว แต่เด็กๆ เข้าใจได้ว่า สงครามคืออะไร แล้วถ้ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่มันเป็นเรื่องใกล้ตัว หนูจะอธิบายยังไงดีคะ
หนูเองก็ไม่อยากให้เด็กคนหนึ่งโตมาพร้อมความรู้สึกที่ว่า ชีวิตมันเศร้า ทั้งๆ ที่ทั้งหมดมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลย พวกเขาควรจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เขาอยากเป็นและมีความสุขค่ะ
ขอบคุณค่ะ
แก้ว (นามสมมติ), กรุงเทพฯ
…………….
ก่อนคุณแก้วจะเกิดก็มีสงคราม ตอนคุณเกิดมาแล้วก็มีนะคะ…ใหญ่เล็ก ที่นั่นที่นี่ในโลก เรามีสงครามตลอดเวลามานับแต่เริ่มต้นอารยธรรมมนุษย์ ไม่ใช่เพิ่งจะมามีตอนรัสเซีย-ยูเครนนี้ และแม้แต่นาทีนี้ นอกจากรัสเซีย-ยูเครนก็ยังมีสงครามในที่อื่นๆ ในทุกรูปแบบทั้งการใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกันและแบบอื่นๆ ด้วย
เพียงแต่ตอนนี้เรามีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สัญญาณดาวเทียม และรัสเซียซึ่งเป็นชาติมหาอำนาจ เป็นฝ่ายรุกรานรังแกประเทศเพื่อนบ้านไร้หนทางสู้ ด้วยเหตุผลและวิธีการที่ไม่ศิวิไลซ์นัก ประกอบกับรัสเซียเป็นประเทศที่ถูกฮอลลิวูดทำให้ดูเป็นผู้ร้ายมาตลอด แล้วยังดันทำตัวเองผู้ร้ายที่ชั่วร้ายขึ้นมาจริงๆ อีกทั้งยังเกิดขึ้นทางฝั่งตะวันออกของยุโรปซึ่งง่ายต่อการบานปลายกลายเป็นสงครามโลกได้ เรื่องก็เลยกลายเป็นกระแสใหญ่โตกว้างขวางขึ้นมา
และสงครามอื่นๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า กำลังเกิด และร่ำๆ จะเกิดก็ไม่ได้รับสนใจจากสื่อมากเท่ารัสเซีย ซึ่งอย่างที่บอก รับบทผู้ร้ายในหนังมายาวนานพอที่สำนักต่างๆ จะขายข่าวได้
สงครามเป็นเรื่องซับซ้อน บ่อยครั้งที่มันไม่ได้มีสาระเท่าที่ตาเห็น บ่อยครั้งที่มันเป็นคอนสไปเรซี่ (conspiracy) หรือสมคบคิดโดยหลายๆ ชาติอย่างลับๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่การทำสงครามมีราคาแพงมากอย่างตอนนี้ ดังนั้นจะเห็นว่าหลักๆ และคร่าวๆ สงครามเป็นเรื่องผลประโยชน์และผลกำไรที่จะได้ต้องมากกว่าต้นทุนการทำสงคราม ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นการยึดครองกับถือครองทรัพยากร น้ำ น้ำมัน ทอง แร่หายาก รวมถึงพื้นที่เพาะปลูก เส้นทางสัญจร ทางออกทะเลเพื่อการส่งของค้าขาย
นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องอำนาจ… การเสถียรอำนาจและสถาปนาอำนาจทั้งในและนอกประเทศของคู่สงคราม รวมทั้งอำนาจในภูมิภาค ไปจนถึงในโลก บางครั้งยังเป็นเรื่องที่ตั้ง อย่างการเป็นรัฐกันชน หรืออิทธิพลต่อประเทศต่างๆ รายรอบซึ่งตอนจบก็เป็นเรื่องผลประโยชน์อีกอยู่ดี
แล้วก็มีเหมือนกันที่สงครามจะเกิดจากความขัดแย้งในทางศาสนาและวัฒนธรรม แต่ก็ไม่บ่อยนักอีกแล้วในยุคปัจจุบัน
อย่างที่บอก สงครามมันแพงเกินไป
กลับมาที่คำถาม คุณไม่ต้องการให้เด็กๆ เห็นภาพและรับรู้ความโหดร้ายของสงคราม คำถามของพี่คือนี่เป็นภาพโลกที่เป็นจริงหรือไม่ นี่คือภาพผู้คนและผู้ใหญ่ที่เป็นจริงหรือไม่ ถ้าใช่… พี่คิดว่าเด็กๆ ควรมองเห็นและรับรู้เรื่องสงครามบ้าง ไม่ต้องเป็นภาพสยดสยองจนเกินไปแม้ว่านั่นจะเป็นความจริง ซึ่งปัจจุบันสื่อต่างๆ ก็มีวิจารณญาณในการเซ็นเซอร์เอาไว้พอประมาณอยู่แล้ว และโดยไม่มีการเล่ารายละเอียดลงลึกมากเกินไป
…คำตอบและคำอธิบายต่างหากค่ะคือสิ่งสำคัญกว่า และเป็นการดีที่เราจะมีโอกาสได้ใช้โอกาสนี้อธิบาย
เราเลี้ยงดูเด็กๆ ด้วยเทพนิยาย เรื่องราวเจ้าหญิงเจ้าชาย เด็กน้อยกล้าหาญน่ารัก และสัตว์เฉลียวฉลาด และข้างนอกนั่นเราก็ทำสงคราม ฆ่าฟัน ทำลายบ้านแสนสุข สังหารครอบครัวอบอุ่น ระเบิดเมืองมหัศจรรย์ ยังไม่ต้องพูดถึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทำลายถิ่นที่อยู่ของพี่หมีพี่วาฬพี่สัตว์แสนดีสารพัดสปีชีส์อย่างป่าเถื่อน เราสร้างโลกอุดมคติมาเล่าให้เขาฟัง แต่เรากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม และคาดหวังว่าเขาจะโตขึ้นมีสามัญสำนึกที่ดี และเป็นมนุษยชาติที่ดีกว่าเรา
นี่มันผิดอยู่นะคะ
ตอบเขาอย่างที่คุณเข้าใจ ตอบเขาตามความเป็นจริง เรื่องไหนรู้ก็บอกตามที่รู้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ต้องเรียนตามตรงอีกครั้งว่าเรื่องนี้ซับซ้อน และกว่าจนกระทั่งถึงวันนี้ สามอาทิตย์หลังการบุกยูเครน นักวิเคราะห์เก่งๆ เองก็ยังสับสนว่ารัสเซียต้องการอะไรกันแน่ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร และเรื่องจะจบลงอย่างไร แต่ไม่เป็นไรเลยที่เด็กๆ จะงงๆ ไปกับเราในเรื่องหลายๆ เรื่อง
ในโลกสมัยใหม่ เราไม่สามารถปิดบังอะไรเด็กๆ ได้เหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว แทนที่จะปิดบังและหลอกตัวเองว่าเราปิดบังเด็กๆ ได้ เราจำเป็นต้องยอมรับความจริงเสียที และช่วยให้เขาเข้าใจสิ่งที่เห็นและรับรู้ ถ้าเราไม่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ… เราเองก็ต้องหาคำตอบเหมือนกัน
สงครามเป็นสิ่งน่ากลัว และมีอยู่… มันเป็นเช่นนั้น และยากเกินไปที่เราจะทำให้เด็กๆ เชื่อว่ามันไม่น่ากลัว และไม่มีอยู่ แน่นอนความจริงข้อนี้จะทำให้โลกนี้ดูน่ากลัว แต่โลกน่ากลัวค่ะ ผู้ใหญ่ก็น่ากลัว คนแก่ๆ ที่ก่อสงครามยิ่งน่ากลัว
บอกเด็กๆ ค่ะ ว่าปีศาจมีจริง และพวกมันก็ไม่ได้ซ่อนอยู่ใต้เตียง ในห้องเก็บของ ในป่าช้า ในความมืด หลายๆ ครั้งพวกมันปรากฏตัวอย่างสง่าผ่าเผยในรัฐบาลต่างๆ ในแสงสว่าง ตามถนนหนทาง ปีศาจมีอยู่ในความเห็นแก่ประโยชน์ ในการไม่เคารพชีวิตคนอื่น ในการก่อสงคราม รุกราน ยึดครอง กดขี่ มีอยู่ในตัวเราทุกคนมากหรือน้อย… ในทุกที่
และสงครามก็ไม่ได้ไกลตัวอีกต่อไปแล้วด้วย ไม่มีอะไรไกลตัวทั้งนั้นตั้งแต่โลกาภิวัตน์และโลกเชื่อมต่อกัน
บางที นี่อาจทำให้ผู้คนหันมาสร้างโลกอุดมคติจริงๆ ให้เด็กๆ แทนการหลอกลวงพวกเขาด้วยเทพนิยายก็ได้ บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มนุษย์ทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจคัดค้านและหยุดการทำสงคราม บางทีมันอาจอุดมคติกว่าหากเราปล่อยเด็กๆ ให้มองเห็น ตั้งคำถาม และหาคำตอบเกี่ยวกับการทำลายล้างมนุษย์ด้วยกันตั้งแต่อายุน้อยๆ ตอนที่เขายังเป็นคนที่อ่อนโยน งดงาม ตอนที่เขายังมีความสงสาร เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ตามธรรมชาติดั้งเดิมของการเป็นมนุษย์
อีกประการหนึ่ง… เหมือนๆ กับเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง พี่ว่าเราฟูมฟักเด็กๆ เอาไว้ในบับเบิลของความเพ้อเจ้อแล้วล่ะค่ะ มาถึงตอนนี้ พี่คิดว่านอกจากพวกเขาจะไม่ถูกสอนให้เข้าใจโลก เรายังทำให้พวกเขายังมีภูมิต้านทานต่ำเกินไปต่อโลกที่โหดร้ายและผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวขึ้นทุกวันด้วย และช่วยไม่ได้ที่เด็กๆ จะตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเลวร้ายมากมาย รวมทั้ง… ตามความเห็นของพี่ นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอายุน้อยๆ ฆ่าตัวตายสูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อนมาก เมื่อเขาพบว่าโลกจริงนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ไม่ได้เป็นอย่างที่เราบอกเขา และเราก็โกหกเชื่อถือไม่ได้
แต่อย่าลืมค่ะ อย่าลืมบอกเขาด้วยค่ะ ว่ามันมีด้านดี ด้านสวยงาม บอกเขาว่ามันยังเป็นโลกที่น่าหลงใหล เล่าเรื่องคนที่น่านับถือน่าสนใจให้เขาฟัง เรื่องมากมายไม่รู้จบของคนที่พยายามทำให้โลกเป็นโลกที่ดีกว่าเดิม และบอกเขาว่ามันจะยังคงมีคนพยายามอยู่เสมอให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่น่าอยู่ที่สุดในจักรวาล
คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับพี่นะคะ บอกตามตรง… พี่ไม่ทราบหรอกว่าพี่คิดถูกหรือผิดในเรื่องนี้
…พี่ไม่ทราบจริงๆ
หมายเหตุ : ใครอยากถาม อยากเล่า อะไร พี่แหม่ม แม่แหม่ม หรือป้าแหม่ม สามารถส่งและหรือเล่ามาได้ที่กล่องข้อความของเพจเฟซบุ๊ค mappa หรือ อีเมล์ mappalearning@gmail.com ทีมงานจะรวบรวมนำไปเป็นวัตถุดิบสำคัญแล้วส่งต่อให้พี่แหม่มค่ะ เพราะคอลัมน์นี้ตั้งต้นจากผู้อ่านไม่ใช่ผู้เขียน |