- รูบี้คือสมาชิกเพียงคนเดียวที่ได้ยินอยู่ท่ามกลางครอบครัวคนหูหนวก นอกจากการเป็นลูกสาว ในครอบครัวนี้ รูบี้คือล่าม
- CODA คือ ภาพยนตร์ที่จะพาคนดูปกติเข้าใจโลกของคนที่มีปัญหาทางการได้ยินพร้อมกับการหาตัวตนของรูบี้
- “ร้องให้พ่อฟังได้ไหม” ถึงพ่อจะไม่ได้ยิน แต่จังหวะสั่นที่คอของลูกสาวนั้นสะเทือนทั้งหัวใจ
บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนจากภาพยนตร์
สำหรับบางคน ชีวิตวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาค้นหาและไล่ตามความฝัน พร้อมกับความรักที่กำลังเบ่งบาน แต่มีวัยรุ่นอีกหลายคนที่เลือกเก็บความฝัน และมอบความรักทั้งหมดให้ครอบครัวแทน
อย่าง ‘รูบี้ รอสซี’ ตัวละครจากโคด้า หัวใจไม่ไร้เสียง (CODA) ภาพยนตร์ดีกรีรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปี 2022 เล่าถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวคนหูหนวก ที่มีลูกสาวก็คือรูบี้เพียงคนเดียวในบ้านที่ปกติ เธอจึงรับหน้าที่เป็นล่ามคอยสื่อสารระหว่างครอบครัวกับคนภายนอกอยู่เสมอ
ชีวิตจำเจที่เปลี่ยนไป เพราะมีฝันต้องไล่ตาม
กิจวัตรประจำวันของรูบี้คือ ตื่นเช้าช่วยงานที่บ้าน ออกไปทำงานประมงอันเป็นอาชีพหลักของครอบครัวพร้อมพ่อและพี่ชายก่อนไปเรียน
รูบี้ไม่ได้สนใจการเรียนมากนัก เพราะคิดว่าเรียนจบก็ต้องมาช่วยงานครอบครัวอยู่ดี แล้วรูบี้ก็ยังไม่มีสิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ นอกจากการร้องเพลงซึ่งเป็นสิ่งที่เธอคิดว่าตัวเองทำได้ดี จนกระทั่งวันที่ต้องเลือกชมรม รูบี้คิดว่าจะเลือกชมรมที่สามารถโดดได้ง่ายๆ เพื่อไปทำงานกับครอบครัว แต่เธอกลับเลือกเข้าชมรมประสานเสียง เพราะ ‘ไมลส์’ เพื่อนที่เธอแอบหลงรักก็เข้าชมรมนี้เช่นกัน
ครูเบอร์นาโดผู้ดูแลชมรม มองเห็นถึงความสามารถของรูบี้ และชวนเธอสอบเข้าวิทยาลัยดนตรีเบิร์คลีย์ ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ครอบครัวของรูบี้กำลังเริ่มต้นธุรกิจขายปลา เธอกลายเป็นกำลังหลักในการติดต่อธุรกิจแทนสมาชิกครอบครัว ทำให้เธอเริ่มไม่สามารถแบ่งเวลาให้กับการฝึกซ้อมได้
“หนูไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีครอบครัวมาก่อน” รูบี้บอกกับครูเบอร์นาโด เมื่อเขาบอกว่าเธอควรสู้เพื่อความฝันมากกว่านี้
ที่ผ่านมาเธอเอาตัวเองผูกติดไว้กับครอบครัวเสมอ ความฝันของเธอนั้นก็สำคัญมาก แต่ครอบครัวก็ต้องการเธอไม่แพ้กัน
การปกป้องคนที่เรารักมากเกินไป ไม่ใช่ทางที่ช่วยให้เขาได้เติบโต
“เราให้ลูกไปไม่ได้ ลูกยังเป็นเด็กน้อยสำหรับฉัน” ในสายตาของ ‘แจ็คกี้’ ผู้เป็นแม่ รูบี้ยังคงเป็นเด็กน้อยเสมอ ทำให้เธอกังวลเมื่อลูกลงมือทำสิ่งใหม่ๆ หรือค่อยๆ ห่างไกลจากเธอไปเรื่อยๆ
“ถ้าลูกร้องเพลงไม่ได้ล่ะ ลูกอาจจะร้องแย่ก็ได้”
แต่แจ๊คกี้อาจลืมไปว่า ความผิดหวังเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต เราไม่สามารถเอาความกลัวของเราไปตัดความหวังของคนอื่น
ในบ้านรูบี้อาจเป็นเด็กน้อยหรือน้องคนเล็กที่ทุกคนต้องการปกป้อง จนลืมไปว่ารูบี้เองก็สามารถปกป้องทุกคนได้เช่นกัน รูบี้ใช้เสียงของตัวเองปกป้องครอบครัวมาโดยตลอด และพยายามเรียกร้องให้คนอื่นๆ ปฏิบัติกับสมาชิกในครอบครัวของเธออย่างเท่าเทียม
“ให้คนหาวิธีคุยกับคนหูหนวกเอาเอง เราไม่ได้ช่วยตัวเองไม่ได้” ‘ลีโอ’ พี่ชายของรูบี้ที่อยากทำธุรกิจร้านขายปลามาโดยตลอด เขาพร้อมที่จะเป็นกำลังหลักของงานนี้ แต่พ่อแม่รวมถึงรูบี้เองกลับมองข้ามความตั้งใจของลีโอ เพราะเห็นว่างานนี้ต้องคุยสื่อสารกับคนอื่น ลีโอเพียงคาดหวังว่าทุกคนจะเชื่อใจเขา ว่าเขาสามารถทำงานนี้ได้ ถึงแม้จะไม่ได้หูดีเหมือนน้องสาว
“เกอร์ตี้บอกพี่ว่าเธอร้องเพลงดีมาก นั่นพิเศษมากๆ นะ”
“เธออยู่ที่นี่ไม่ได้ พ่อกับแม่จะคอยพึ่งเธอไปทุกเรื่องเลย”
ในฐานะพี่ชายที่ถูกพ่อแม่มองข้ามไปพึ่งน้องสาวมากกว่า ลีโอต้องการการยอมรับและเป็นที่พึ่งพิงคนในครอบครัว ลีโอพยายามสนับสนุนให้รูบี้ไปใช้ชีวิตของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องผูกติดกับพ่อแม่ที่คอยพึ่งพารูบี้อยู่เสมอ
การ support กันในครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แม้จะไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ลูกรักได้
ฉากงานคอนเสิร์ตในเรื่องนั้น รูบี้เป็นนักร้องที่โดดเด่นมาก เธอแสดงพรสวรรค์ออกมาได้ดีเยี่ยม แต่ภาพยนตร์ก็สะกิดใจเราด้วยเสียงที่เงียบลง แล้วพาเรามองผ่านมุมมองของครอบครัวที่หูหนวก พวกเขาไม่สามารถได้ยินได้เลยว่ารูบี้กำลังร้องเพลงอะไรอยู่ ได้แต่มองดูปฏิกิริยาของคนรอบข้างว่ารู้สึกเช่นไรขณะชมการแสดง แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ยังภูมิใจในตัวของรูบี้มาก
“ร้องให้พ่อฟังได้ไหม” แฟรงค์ พ่อของรูบี้บอกกับเธอหลังจากจบงานคอนเสิร์ต เพราะอยากเข้าใจว่าเพลงที่รูบี้ร้องนั้นเกี่ยวกับอะไร เขาใช้มือของเขาแตะที่ลำคอของรูบี้ เพื่อสัมผัสจังหวะสั่นระหว่างการร้องเพลง แรงสั่นนั้นเหมือนจะย้อนกลับมาสั่นใจของคนดูด้วยเช่นกัน ไม่มีความอบอุ่นไหนที่จะดีเท่ากับการที่คนในครอบครัวพยายามเข้าใจ
“แม่ดีใจที่ลูกรู้จักตัวเอง” ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าถึงและเข้าใจเรื่องที่ลูกชอบได้ แต่ครอบครัวก็มีความสุขที่เห็นรูบี้มีความสุขในการร้องเพลง
ครอบครัวอาจจะไม่ได้อยู่กับลูกๆ ไปตลอด แต่ถ้าเด็กรู้จักตัวเอง เขาจะสามารถมีความสุขกับตัวเองไปได้ตลอดชีวิต