- วงกลมของเจมีแต่ความฝันของเกา แต่วงกลมของเกาไม่มีเจเพราะความเร็วสำคัญที่สุด
- “ยังไงก็ได้ ถ้าอยู่ด้วยกัน” เพราะความสามารถพิเศษเดียวของเจ คือ เธอใจดี เจไม่เคยบอกความต้องการของตัวเองให้เกาฟังเลยสักครั้ง
- “เราอยากมีลูก เธอทำได้ป้ะ” ความต้องการและความฝันของเจที่ทำให้ทั้งคู่รู้ว่า ที่ผ่านมาวงกลมของเจและเกาไม่เคยบรรจบกันได้เลย คำว่ายังไงก็ได้ที่เจเคยพูดจึงไม่มีอยู่จริงในความสัมพันธ์นี้จากภาพยนตร์ Fast&Feel love
ภาพ : gdh559
**บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์
ทุกคนมีวงกลมเป็นของตัวเอง
“อยู่กับเขาอาจจะเป็นวิธีเดียวที่คนธรรมดาอย่างฉันพอจะช่วยได้”
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา วงกลมของ ‘เจ’ อดีตนักเรียนเกรดกลางที่ชอบต้นไม้ถูกขีดเส้นด้วยความฝันของ ‘เกา’ แฟนของเธอที่อยากเป็นแชมป์สแต็กมือหนึ่งของโลกเพื่อลบคำสบประมาทของครูที่ดูถูกเขาว่า ความฝันนี้เป็นไปไม่ได้
ขณะที่เกามีสแต็กเป็นความสามารถพิเศษ แต่เจมีความสามารถเพียงอย่างเดียว คือ เธอใจดี
เพราะใจดีเลยทำให้เจกลายเป็นเดอะแบกทุกอย่างรอบตัวเกา เจไม่เคยปฏิเสธคำขอของเกาเลยสักครั้ง สำหรับเธอ “ยังไงก็ได้ ถ้าอยู่ด้วยกัน”
เจยอมพาแม่ไปวัด ล้างห้องน้ำ กรอกน้ำ ทำกับข้าว เช็ดฝุ่น ซักผ้า ตากผ้า ซื้อบ้าน จ่ายภาษี และเรื่องอื่นๆ ที่คนวัย 30 ปีควรทำ
สิ่งเหล่านี้เกาไม่เคยทำเลย แม้แต่ครั้งเดียว…
ขณะที่วงกลมของเจถูกขีดด้วยความฝันของเกา แต่วงกลมของเกากลับถูกขีดด้วยความเร็วของสแต็ก
สแต็กเป็นกีฬาที่ไม่กำหนดอายุ เพศ หรือวัย ผู้ใหญ่ชนะเด็กได้ และเด็กก็ชนะผู้ใหญ่ได้ กีฬานี้จึงเปลี่ยนผู้ชนะได้ทุก 0.01 วินาที ความเร็วเท่านั้นที่สำคัญ
บนความสัมพันธ์ที่คนหนึ่งให้มากเกินไป ส่วนอีกคนให้น้อยเกินไป เจจึงไม่เคยบอกเกาเลยว่าเธอต้องการอะไรเพื่อรักษาความรักครั้งนี้เอาไว้
ความต้องการของเจ คือ เธอไม่ได้อยากพิชิตความเร็วไปกับเกา แต่อยากมีครอบครัว มีบ้าน มีรถ และมีลูก
“เราอยากมีลูก เธอทำได้ป้ะ” เจบอกความต้องการของตัวเองกับเกาเป็นครั้งแรก
แล้วก็เป็นครั้งแรก… ที่เจผลักเกาออกจากชีวิต ยืนหยัดในความต้องการของตัวเอง และใจดีกับตัวเอง พร้อมตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต คือ การสอนให้เกาอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ถึงจะไม่มีเธอ ผู้เป็นทุกอย่างให้แล้วก็ตาม
สำหรับเกาที่ผ่านการแข่งความเร็วทุกระดับ แต่ความจริงของเจเป็นระดับที่ยากเกินไป เพราะนี่คือการกำหนดชะตาความสัมพันธ์ของคนสองคน
เพื่อให้ความสัมพันธ์นี้เดินหน้าต่อ เกาวางแก้วสแต็กเข้าระบบเทรนด์ทักษะชีวิต มองคนรอบข้างและสนใจชีวิตตัวเองมากขึ้น ค่อยๆ เอาวงกลมของตัวเองไปประสานกับวงกลมของคนอื่น
ลองล้างห้องน้ำ ลองพาแม่ไปวัด ลองทำงานบ้านเอง ลองยื่นภาษีเอง ลองจ่ายค่าไฟเอง ลองเป็นเดอะแบกสักครั้ง เข้าใจชีวิตของเจตลอด 24 ชั่วโมง
ที่เกาลองทำทั้งหมดก็เพื่อยอมรับความจริงสักทีว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีเจ
เพราะเมื่อคนสองคนกล้าพูดความต้องการของตัวเองขึ้นมา แม้จะมีเพียงเรื่องเดียว อาจทำให้รู้ว่า วงกลมของเราและเขาคนนั้นไม่สามารถซ้อนทับกันได้ การอยู่ในสถานะอื่นๆ อาจดีกว่า
เช่นเดียวกับทุกๆ ความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก หรือคนในครอบครัวที่จำเป็นต้องมีพื้นที่ตรงกลาง สำหรับความเข้าใจและการยอมรับตัวตนของกันและกัน
พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่เราหรือเขา แต่เป็นพื้นที่ของทุกคนที่ค่อยๆ หย่อนความสุข ความทุกข์ เรื่องราวที่ดีและไม่ดี และเติบโตผ่านทุกระดับความยากของชีวิตไปพร้อมกัน