- การศึกษาต้องช่วยแก้ไขทั้งโจทย์ในชั้นเรียนและชีวิต ไม่อย่างนั้นผู้เรียนอาจหมดความสนใจหรือกำลังใจในการเรียนรู้
- “ทักษะการแก้ปัญหา” และ “ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต” เป็นสองทักษะสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เรียนนำความรู้จากในห้องเรียนไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตและสร้างแรงขับเคลื่อนในระยะยาว
- การปลูกฝังนิสัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนและทักษะการแก้ปัญหาแก่ผู้เรียนมีส่วนช่วยให้ความรู้และทักษะอยู่กับเขาไปตลอด
หากถามผู้เรียนหลาย ๆ คน คำตอบต่อคำถามว่าต้องการอะไรจากการศึกษาคงหนีไม่พ้นคำพูดทำนองว่า “อยากเอาไปใช้ประโยชน์” “อยากเอาไปทำงาน” “อยากเอาไปใช้ในชีวิตจริง”
คงปฏิเสธได้ยากว่าการสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างความรู้ในห้องสี่เหลี่ยมกับโลกภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวินาทีไม่ใช่งานง่าย แต่ยากไม่ได้แปลว่าเป็นไปไม่ได้ อิฐและปูนที่ใช้สร้างสะพานดังกล่าวอาจมีมากกว่าแค่เนื้อหาในตำรา
นอกเหนือจากสูตรเลขซับซ้อนหรือหนังสือประวัติศาสตร์เล่มหนา ยังมีทักษะอื่น ๆ ที่จะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้ในบริบทอื่นนอกห้องเรียน และทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้แม้จะจบการศึกษาไปแล้ว เรากำลังพูดถึง “ทักษะการแก้ปัญหา” และ “ทักษะการเรียนรู้” อันจะเป็นส่วนเสริม เป็นเครื่องมือเพิ่มเติมให้ผู้เรียนได้เลือกหยิบไปใช้
ปลูกฝังทักษะการแก้ปัญหา
ในโลกที่เราไม่อาจคาดเดาว่าจะมีอุปสรรคอะไรเข้ามาท้าทาย การเตรียมการรับมือและจัดการปัญหาจึงเป็นทักษะจำเป็นอย่างยิ่งทั้งในห้องเรียนและในชีวิตประจำวัน
แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาแก่ผู้เรียนมีดังนี้
สื่อสารกับผู้เรียน
ให้ผู้เรียนระบุปัญหาเฉพาะ ความยากลำบากหรือความสับสนที่เขาเผชิญ แต่ไม่ต้องเสียเวลากับการแก้ปัญหาที่ผู้เรียนเข้าใจดีแล้ว หากผู้เรียนอธิบายเรื่องที่กังวลไม่ได้ ถามคำถามเกี่ยวกับแนวคิดหรือหลักการที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้น จากนั้นลองถามวิธีแก้ไขที่เขาคิด ในบริบทการเรียนการสอนตัวต่อตัว ลองให้ผู้เรียนเล่าปัญหาออกมา วิธีนี้จะช่วยชะลอกระบวนการคิด ซึ่งจะช่วยให้ประเด็นปัญหาเด่นชัดขึ้น และผู้สอนเข้าใจปัญหาได้มากขึ้น
เมื่อทำงานกับผู้เรียนแบบกลุ่ม ลองตั้งโจทย์ให้แบ่งครึ่งหน้ากระดาษเป็นสองช่อง ช่องหนึ่งเขียนปัญหา อีกช่องเสนอแนวทางแก้ไขโดยละเอียด นี่จะช่วยให้พวกเขาได้คิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาและช่วยให้ผู้สอนระบุปัญหาได้ง่ายขึ้น
สนับสนุนให้ผู้เรียนคิดด้วยตัวเอง
ยกตัวอย่างกระบวนการแก้ปัญหาย่อมดีกว่าการให้คำตอบแก่ผู้เรียน เมื่อขบคิดปัญหา ลองพิจารณาว่าผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นน่าจะติดขัดในเรื่องใดเกี่ยวกับแนวคิดต่าง ๆ ในบทเรียน ก่อนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ให้ผู้เรียนลองแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ถามคำถามชี้นำหรือให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์บ้าง แต่ช่วยเหลือเล็กน้อยและช่วยเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
กระบวนการนี้ใช้ผู้เรียนแบบกลุ่มได้เหมือนกัน ผู้เรียนสามารถช่วยเหลือกันและกัน การถกประเด็นปัญหาจะเปิดโอกาสให้ครุ่นคิดมากขึ้นเกี่ยวกับขั้นตอนการแก้ปัญหา อีกทั้งช่วยให้ตระหนักว่ากลยุทธ์ในการแก้ปัญหามีหลากหลาย บางแนวทางอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าแนวทางอื่น
ไวต่อความรู้สึกของผู้เรียน
หลายครั้งเวลาผู้เรียนหาทางแก้ปัญหา พวกเขาไม่มั่นใจในตัวเอง การขาดความมั่นใจอาจเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ ผู้สอนควรตระหนักถึงเรื่องนี้เมื่อผู้เรียนเข้ามาปรึกษาหารือ และทำให้พวกเขารู้สึกว่าเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้ว กล่าวคำพูดให้กำลังใจ ให้ผู้เรียนรู้ว่าพวกเขาบรรลุทักษะใหม่หรือเข้าใจแนวคิดใหม่แล้ว
บ่มเพาะความรอบคอบและความอดทน
สื่อสารกับผู้เรียนเป็นระยะว่ากระบวนการสำคัญกว่าผลลัพธ์ แจ้งให้ผู้เรียนรู้ว่าต่อให้ไม่สามารถหาทางออกได้ในทันทีก็ไม่เป็นไร ซึ่งทำได้ด้วยการยืนยันว่าพวกเขามีความคืบหน้า ไม่แสดงท่าทางกังวลหรือเฉลยคำตอบให้พวกเขา และการสาธิตด้วยตัวอย่างการแก้ปัญหาทีละขั้นตอน
ประโยชน์ของทักษะการแก้ปัญหา
นอกจากผลดีตรงตามตัวอักษรอย่าง “แก้ปัญหา” นั้น ทักษะการแก้ปัญหายังพัฒนาผู้เรียนในอีกหลายด้าน ดังนี้
เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
การผนวกรวมทักษะการแก้ปัญหาเข้ากับการเรียนการสอนเป็นการย้ายศูนย์กลางการเรียนรู้ไปที่ผู้เรียน เนื่องจากพวกเขาต้องข้องเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ด้วยการถามคำถามและตริตรองเกี่ยวกับคำอธิบายและแนวทางแก้ปัญหา มากกว่าการซึมซับข้อมูลจากผู้สอนหรือท่องจำจากตำรา
เพิ่มความมั่นใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เช่นเดียวกับทักษะอื่น ยิ่งผู้เรียนฝึกฝนทักษะการแก้ปัญหา พวกเขาจะยิ่งคุ้นเคยกับการคิดเชิงวิเคราะห์และเชิงวิพากษ์ เมื่อได้เรียนรู้วิธีเข้าหาแนวคิดที่แปลกใหม่และเจอคำถามที่ไม่รู้คำตอบ ผู้เรียนจะมั่นใจมากขึ้นในความสามารถในการนำทักษะการแก้ปัญหาไปใช้ในด้านอื่นทั้งในและนอกรั้วสถานศึกษา
จุดมุ่งหมายของการปลูกฝังทักษะการแก้ปัญหาคือการทำให้เป็นทักษะอัตโนมัติ และเพื่อที่ผู้เรียนจะสื่อสารความสงสัยของตนเองอย่างสม่ำเสมอ สำรวจทางออกที่สร้างสรรค์ วิเคราะห์โลกรอบตัวและหาข้อสรุปของตัวเอง
ส่งเสริมการร่วมมือและการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ด้วยความที่การแก้ปัญหามักเกิดขึ้นในบริบทของการร่วมมือกับผู้อื่น ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคลนอกเหนือจากทักษะการแก้ปัญหา การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพต้องพึ่งพาการสื่อสาร ความรับผิดชอบ การเข้าใจและเข้าถึงใจคนอื่น ๆ การตั้งเป้าหมายและการจัดการ ทั้งหมดทั้งมวลนี้สำคัญต่อการศึกษาและการทำงาน
เพิ่มพูนทักษะด้านอภิปัญญา
คำว่า “อภิปัญญา” (metacognition) มักถูกอธิบายว่าเป็น “การคิดเกี่ยวกับการคิด” เพราะมันหมายถึงการทำความเข้าใจกระบวนการคิดของตัวเอง เมื่อเราตัดสินใจ อภิปัญญาจะทำให้เราพินิจผลลัพธ์ของแผนการปฏิบัติสารพัดและเลือกว่าแผนใดให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ทักษะด้านอภิปัญญาเกี่ยวข้องกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ที่สูงขึ้นและพัฒนากลยุทธ์การเรียนรู้ ผู้เรียนที่มีทักษะด้านอภิปัญญาจะสามารถสะท้อนผลประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจตัวเองและโลกให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยในการจัดเก็บองค์ความรู้ในระยะยาว
ผู้เรียนที่มีทักษะการแก้ไขปัญหาจะมีความสามารถในการเก็บรักษาและดึงข้อมูลมาใช้ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อให้อธิบายว่ากระบวนการที่นำมาสู่ข้อสรุปของตัวเองเป็นอย่างไร ด้วยการแบ่งปันความคิดกับข้อเท็จจริงที่สืบค้นมา กระบวนการนี้จะช่วยเสริมความเข้าใจในประเด็นที่ศึกษา
สถานการณ์การแก้ไขปัญหาที่ผู้เรียนระดมความคิดและอภิปรายในกลุ่มเล็ก ๆ จะเอื้อต่อการฝึกทักษะการแก้ปัญหาเป็นพิเศษ เพราะการอภิปรายจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนถามและตอบคำถามเกี่ยวกับหัวข้อใหม่ที่กำลังสำรวจค้นคว้า
นำความรู้ไปใช้นอกตำรา ฝึกทักษะที่ดีต่อชีวิต
“คืนครูหมดแล้ว” หลายคนพูดทีเล่นทีจริงหลังจบการศึกษามาได้ระยะหนึ่ง แต่คงน่าเสียดายหากเรียนรู้จะจบลงเท่านั้น และคงจะดีกว่ามากหากเรายังมีทักษะหรือคุณสมบัติอื่น ๆ ที่จะช่วยหล่อเลี้ยงความใฝ่รู้ใฝ่เรียน สนับสนุนการขวนขวายหาความรู้ใหม่ ๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้
ทักษะความคิดสร้างสรรค์
คงไม่น่าแปลกใจที่ความคิดสร้างสรรค์จะอยู่เป็นลำดับต้น ๆ ในรายการนี้ ความคิดสร้างสรรค์ไม่เพียงเป็นเส้นทางการเรียนรู้ แต่จะเบิกทางให้กับความสำเร็จในหลาย ๆ ด้าน ในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้เราสร้างสิ่งใหม่และอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ได้ และที่สำคัญที่สุดคือ มันคือภาษาที่เราสามารถใช้ในการถ่ายทอดความคิดใหม่ ๆ และความหลงใหลของตัวเองได้
ทักษะการแก้ปัญหา
การแก้ไขปัญหาในโลกความเป็นจริงถือเป็นทักษะที่สำคัญมาก ในโลกที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาใหม่ ๆ ที่ไม่อาจคาดการณ์ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ดังนั้น คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับอะไรที่คนยุคก่อนนึกไม่ถึง ซึ่งต้องอาศัยทักษะการแก้ปัญหาในการออกแบบหรือวางแผนทางออกที่เหมาะสม ทักษะการแก้ปัญหาช่วยได้ตั้งแต่การเขียนรายการจ่ายตลาดไปจนถึงวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายใหญ่ ๆ ในชีวิต
ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์
การคิดเชิงวิพากษ์หมายรวมถึงการคิดได้ด้วยตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อความคิดและคิดได้อย่างไม่รู้จบ วิธีที่เรามองโลก มองตัวเองและผู้อื่นส่งผลมากกว่าแค่ประสบการณ์ส่วนตัว เพราะแม้แต่ความคิดของคน ๆ เดียวก็ส่งผลกระทบต่อโลกได้ เหมือนหินก้อนเล็กที่หล่นลงในบึงแล้วส่งคลื่นแผ่ขยายเป็นวงกว้าง การคิดอย่างรอบคอบถ้วนถี่จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ทักษะความเป็นผู้นำ
คนที่นำคนอื่นไม่ได้ทำหน้าที่เพียงจัดการสิ่งต่าง ๆ แต่ยังต้องเป็นแรงบันดาลใจ กระตุ้นและสนับสนุนผู้อื่น มองเห็นศักยภาพของคนรอบข้างและผลักดันให้เขาก้าวหน้าในทางที่ถนัด ความเป็นผู้นำคือคุณสมบัติสำคัญในชีวิต มันเปลี่ยนจาก “ฉันทำได้” เป็น “เราทำได้” และทำให้ทุกคนพร้อมจะเดินหน้าไปด้วยกัน มันคือความเต็มใจรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่ทำอย่างสุกเอาเผากิน
ทักษะการสื่อสาร
ทักษะการสื่อสารสำคัญอย่างมากในยุคดิจิทัล ทักษะการสื่อสารที่ดีนอกจากช่วยให้การทำงานราบรื่น ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้าง ลดโอกาสการปะทะหรือกระทบกระทั่งกัน
ทักษะการให้ความร่วมมือ
การทำงานร่วมกับผู้อื่นรวมถึงทักษะการสื่อสาร การเข้าถึงใจผู้อื่นและการเป็นผู้นำสำคัญอย่างมากในสภาพแวดล้อมที่ต้องทำงานกับผู้คนที่แตกต่างหลากหลาย
ทักษะการปรับตัว
นอกจากปรับตัวเข้ากับคนรอบข้างแล้ว การรู้เท่าทันโลกและปรับตัวเข้ากับยุคสมัยยังเป็นอีกทักษะที่จะช่วยให้เราอยู่รอดในโลกที่เทคโนโลยี สังคมและวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความยืดหยุ่นท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงเป็นอีกทักษะที่จะช่วยให้สามารถใช้ความรู้ที่มีอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทักษะความสงสัยใคร่รู้
หากไม่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน การเรียนรู้ก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย การที่ผู้สอนสามารถทำให้ผู้เรียนเห็นประโยชน์ของเนื้อหาที่เรียน ตื่นเต้นและสนุกกับบทเรียนได้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการจัดการศึกษา
ทักษะการสะท้อนคิด
หลังเรียนรู้เรื่องใหม่ การสะท้อนคิดและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียนตามความเข้าใจของตัวเอง พวกเขาจะเห็นว่าตัวเองทำได้ดีตรงไหน ควรปรับปรุงจุดใดและสามารถพัฒนาได้อย่างไรในอนาคต
สะพานระหว่างห้องเรียนกับโลกจริงเป็นสะพานที่ผู้เรียนต้องค่อย ๆ สร้างด้วยตัวเองผ่านกระบวนการเรียนรู้และฝึกทักษะต่าง ๆ ที่จะช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายและได้ผลดียิ่งขึ้น
อ้างอิง
https://blog.futurefocusedlearning.net/10-beneficial-lifelong-learning-skills
https://cft.vanderbilt.edu/guides-sub-pages/problem-solving/