ในหนึ่งวันเราพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย บางอย่างก็ทำให้สุขใจจนยิ้มแป้น สนุกจนหัวเราะร่า เสียใจจนร้องไห้โฮ โกรธจนควันออกหู หลากหลายอารมณ์ที่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ เจอ เด็กๆ ก็เจอเช่นกัน พวกเราทุกคนต่างกางแขนพร้อมโอบกอดความสุข แต่ถ้าเป็นพวกความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเสียใจ ท้อใจ โกรธ โมโห กลัว กังวล คงไม่มีใครอยากจะรับมือกับสิ่งเหล่านี้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นความรู้สึกที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเราทุกคนต่างเจอผู้คนที่แตกต่างกัน ความคิดที่หลากหลาย และพบสถานการณ์ที่เหนือความควบคุมอยู่เสมอ
ชวนเด็กๆ มายอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น และจัดการกับอารมณ์เหล่านั้นด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการ ฮึบ…และฮา…ไปกับกระต่ายสองพี่น้อง ‘หางตุ้มกับหูตั้ง’
‘หางตุ้มกับหูตั้ง’ เปิดเรื่องมาด้วยพี่หางตุ้มกำลังนั่งรับแดดยามเช้า ขณะที่น้องหูตั้งกำลังกระวนกระวายกับการเตรียมของไปเรียนให้ทัน พี่หางตุ้มจึงชวนให้น้องหูตั้งใจเย็นๆ “หายใจเข้า ฮึบ…ปล่อยลมออกมา ฮา…” เพื่อผ่อนคลายความกังวล เรื่องราวต่างๆ ดำเนินไปโดยให้เห็นว่าน้องหูตั้งต้องเจอกับความรู้สึกที่ไม่ดีหลากหลายรูปแบบทั้งความกลัว กังวล โกรธ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้สามารถรับมือได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ
หลับตาลง
หายใจเข้า ฮึบ…
เป่าลมออกมา ฮา…
น้องหูตั้งเรียนรู้การค่อยๆ วางอารมณ์และจัดการความรู้สึกของตัวเองเมื่อรู้สึกไม่ดี ผ่านการตั้งสมาธิอยู่กับลมหายใจเข้าและออก โดยมีพี่หางตุ้มคอยอยู่เคียงข้างเสมอ แต่ในที่สุดเมื่อน้องหูตั้งเรียนรู้จากการทำซ้ำและเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็สามารถวางอารมณ์ความรู้สึกได้ด้วยตัวเอง
โกรธได้ เสียใจเป็น ไม่ห้ามให้รู้สึก แต่ชวนให้เด็กๆ รู้จักที่จะจัดการอารมณ์ของตัวเอง
ในบางครั้งเมื่อเด็กๆ รู้สึกโกรธ เสียใจ กลัว หรือกังวล ผู้ใหญ่มักห้ามให้เด็กๆ อย่ารู้สึกแบบนั้น เช่น อย่าเสียใจเลย ห้ามโกรธนะ ไม่ต้องกลัวหรอก เปลี่ยนจากการห้ามมาเป็นการถามเด็กๆ ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร ทำไมเขาจึงรู้สึกแบบนั้น ปล่อยให้เด็กๆ ได้รู้สึก เข้าใจอารมณ์ของตัวเอง แล้วจึงค่อยๆ ชวนให้เด็กๆ ได้ผ่อนคลายความรู้สึกเหล่านั้นเหมือนกับน้องหูตั้ง คือ “หายใจเข้า ฮึบ… หายใจออก ฮา…” จากนั้นจึงค่อยๆ อธิบายเด็กๆ ถึงเหตุการณ์หรือเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น ร่วมกันแก้ปัญหาหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น เมื่อเด็กๆ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่ดีอีก เด็กๆ จะเริ่มมีการลำดับความคิด และเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้น อีกทั้งเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง (Self Esteem) ให้เด็กๆ มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาก็จะสามารถผ่านมันไปได้
การมีความรู้สึกไม่ดีอย่างความโกรธ เสียใจ กลัว หรือกังวล ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพราะเราทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถมีความรู้สึกเหล่านั้นได้ เพียงแค่ต้องรู้จักการวางอารมณ์และจัดการความรู้สึกเหล่านี้ให้ได้ น้องหูตั้งเองเปรียบเสมือนเพื่อนของเด็กๆ มีช่วงเวลาที่ไม่สามารถวางอารมณ์ได้ ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความเข้าใจ ดังนั้นไม่เป็นไรเลยหากเด็กๆ จะใช้เวลาเพื่อวางอารมณ์ที่รู้สึก
รู้จักโอบกอดตัวเองด้วยอ้อมกอดผีเสื้อ
นิทานเล่มนี้ชวนเด็กๆ โอบกอดตัวเอง การมีคนอยู่เคียงข้างทำให้ผ่านอุปสรรคทุกอย่างได้ง่ายขึ้น แต่ในวันที่เด็กๆ จำเป็นต้องอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง การรู้จักโอบกอดตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยสองแขนของเด็กๆ โดยการไขว้แขนทั้งสองข้างแนบกับหน้าอก มือซ้ายวางบนบ่าขวา มือขวาวางบนบ่าซ้าย หายใจเข้าออกช้าๆ ขยับมือทั้งสองข้างเบาๆ เหมือนผีเสื้อกระพือปีก เด็กๆ สามารถทำได้จนกว่าจะรู้สึกผ่อนคลาย การโอบกอดตัวเองแบบนี้เรียกว่า “อ้อมกอดผีเสื้อ” หรือ “Butterfly Hug” ทำให้ผ่อนคลาย จิตใจสงบ อบอุ่น เป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง และเด็กๆ สามารถทำท่านี้ได้ทุกที่ ทุกเวลา จึงเป็นการจัดการอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองที่ทำได้ง่าย
ไม่ใช่แค่เพียงเด็กแต่ผู้ใหญ่เองก็สามารถโอบกอดตัวเองได้ด้วยวิธีเดียวกัน เพราะ “อ้อมกอดผีเสื้อ” หรือ “Butterfly Hug” เป็นจิตบำบัดแบบอีเอ็มดีอาร์ หรือ EMDR Psychotherapy (Eye Movement Desensitization and Reprocessing) ใช้เทคนิคจิตบำบัดที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับซึ่งเหมาะทั้งกับผู้ที่ต้องการบำบัดจิตใจและบุคคลทั่วไป สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน ในวันที่คุณพ่อ คุณแม่รู้สึกโกรธ เสียใจ เหนื่อยล้า ก็สามารถสวมกอดตัวเองด้วยอ้อมกอดผีเสื้อ การเป็นคุณพ่อ คุณแม่เองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นต้องไม่ลืมที่จะโอบกอดตัวเองด้วยเช่นกัน
ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะ : ข้อความถึงตัวฉัน
ส่วนหนึ่งของนิทาน ‘หางตุ้มกับหูตั้ง’ จะมีช่วงที่น้องหูตั้งชื่นชมและรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวที่ทำให้เขามีความสุข ไม่ว่าจะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน พี่หางตุ้มที่สอนหายใจเข้า หายใจออก ขอบคุณใบไม้สวยๆ ขอบคุณวันหยุด ในหนึ่งวันเราสามารถขอบคุณอะไรได้มากมายเต็มไปหมดที่ทำให้เรามีความสุข สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราปล่อยวางความทุกข์และเลือกโฟกัสความสุขที่เกิดขึ้น ในวันที่รู้สึกเหมือนมีเมฆฝนครึ้มอยู่เหนือหัวของเรา เมื่อเรามองไปรอบๆ ตัว เห็นท้องฟ้ายังสดใส นกน้อยยังส่งเสียง คุณแม่ค้ายังยิ้มหวาน และกะเพราหมูกรอบก็ยังอร่อย การมองเห็นความสุขเล็กๆ รอบตัวเหล่านี้เหมือนการเปลี่ยนเมฆฝนเป็นบัวรดน้ำในใจ ทำให้ดอกไม้ในหัวใจเบ่งบานขึ้นอีกครั้งได้
หากวันนั้นเป็นวันที่ไม่รู้จะขอบคุณอะไรเลย เป็นวันที่ช่างไม่มีอะไรเป็นดั่งใจสักนิด เมฆสีเทาเทฝนห่าใหญ่ลงมาจนเปียกปอนไปหมด ก็ขอให้รู้ว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่สามารถขอบคุณได้ นั่นคือ การขอบคุณตัวเอง ไม่ว่าจะวันที่ทุกข์หรือสุข วันที่ชอบหรือไม่ชอบตัวเอง หากผ่านวันนี้ไปได้ ก็สามารถชื่นชมตัวเองได้อย่างเต็มที่ “ขอบคุณนะที่ผ่านมาได้ เก่งมาก” และหากวันนี้ผ่านไปได้ไม่ดีเท่าไรนักก็จงให้อภัยตัวเอง “ไม่เป็นไรหรอกนะ ขอบคุณที่ผ่านมาได้” เพราะสุดท้ายถึงมันจะเป็นวันที่ไม่ดีแต่มันก็จะผ่านไปอยู่ดี
อย่าลืมที่จะขอบคุณตัวเองและให้อภัยตัวเองอยู่เสมอ ร่างกายนี้ หัวใจดวงนี้ มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะอยู่กับมันไปตลอด ดังนั้นคนที่จะต้องรักษาและโอบกอดไว้ให้แน่นที่สุดก็คือตัวเราเอง
ใครที่อยากไปฮึบ…และฮา…กับนิทาน ‘หางตุ้มกับหูตั้ง’ เรื่องโดย ระพีพรรณ พัฒนาเวช และภาพประกอบโดย ชาญศิลป์ กิตติโชติพาณิชย์ สามารถอ่านและดาวน์โหลดหนังสือภาพเล่มนี้ฟรีได้ที่ : https://childhoodbookbank.com/ebook/หางตุ้ม-กับ-หูตั้ง/
และสามารถอ่านนิทานออนไลน์เล่มอื่นๆ จากแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ฟรีที่ https://www.happyreading.in.th/
อ้างอิง :
https://www.bettermindthailand.com/content/5159/emdr-therapy-