เพราะการลงแรงก้าวผ่านวันยากๆ ไม่เคยไร้ความหมาย อ่าน ‘เจ้าหนูเสื้อติด’ เมื่อเราต่างเคยมีชีวิตในวันที่ติดอยู่ในเสื้อ

คอลัมน์นิทานก่อนนอนในเดือนนี้ ชวนผู้อ่านมานึกถึงวันเสื้อติด หรือวันที่พวกเราติดอยู่ในอะไรบางอย่างและยังหาทางออกไม่ได้ ไปกับ ‘เจ้าหนูเสื้อติด’ ผลงานเรื่องและภาพโดย ชินสุเกะ โยชิทาเกะ (Shinsuke Yoshitake) คุณพ่อลูกสอง ผู้อาศัยอยู่ที่จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น เรียนจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยทสึคุบะ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ หลักสูตรสื่อผสม เจ้าของผลงานที่หลากหลาย เช่น อาจจะเป็นแอปเปิลก็ได้นะ, ผมมีเหตุผลของผมนะ, นัทสึมินักแปลงกาย และ หนังยางแสนรักของฉัน โดยหลากหลายผลงานของเขาได้รับรางวัลหนังสือสำหรับเด็กอีกด้วย 

‘เจ้าหนูเสื้อติด’ ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยโดย สุธีรา ศรีตระกูล สำนักพิมพ์ Amarin Kids ในสำนวนการแปลที่อ่านง่ายและชวนขบขัน เล่าเรื่องราวของเด็กน้อยวัยเตาะแตะที่กำลังประสบปัญหาเสื้อติดจนปิดกั้นการมองเห็นของเขาในทุกทิศทาง แต่กระนั้นเขาก็พยายามที่จะหาวิธีการออกจากเสื้อที่ติดอยู่ด้วยตัวเอง เกิดความคิด จินตนาการ การเดินทาง การตั้งคำถามใหม่ๆ มากมายในขณะที่เสื้อยังคงติดอยู่ ให้เราได้อ่านไป หัวเราะไป สนุกสนานไปกับเรื่องและภาพ 

เราต่างหวาดหวั่นในวันที่เสื้อติด

แต่ก็เพราะเสื้อติด เราจึงคิดวิธีแปลกๆ ออก

เมื่อเราเดินทางร่วมไปกับเจ้าหนูเสื้อติด ความรู้สึกแรกที่พบไปพร้อมๆ กับเขาก็คือความรู้สึกสงสัยและตั้งคำถามกับสิ่งที่ตัวเองประสบพบเจอ การเจอสถานการณ์ที่ตัวเองติดอยู่ในเสื้อและไม่สามารถมองเห็นทิศทางได้ ทำให้เกิดความรู้สึกทั้งหวาดหวั่น และสงสัยในตัวเองว่าจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาเช่นนี้ไปได้หรือไม่ และจะเติบโตเป็นเราในเวอร์ชันที่แย่ลงไหม หากยังติดอยู่ในปัญหาเสื้อติดเช่นนี้อยู่ 

“ถ้าถอดไม่ออกตลอดไปล่ะ จะทำอย่างไรดี ผมจะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่ติดอยู่ในเสื้ออย่างนี้หรือเปล่านะ” 

จะว่าไปก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เราก็รู้สึกไม่แตกต่างกันมากนักกับเจ้าหนูเสื้อติด เมื่อชีวิตเข้าสู่ช่วงที่ติดอยู่กับอะไรบางอย่าง มีปัญหาเข้ามาให้รู้สึกหนักใจและมองไม่เห็นทางออก จึงไม่แปลกเลยที่เราอาจจะรู้สึกสงสัยในตัวเอง รู้สึกไม่เชื่อว่าเราจะผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้ ไปจนถึงรู้สึกหวาดกลัวว่าวันข้างหน้าเราจะกลายเป็นคนที่ล้มเหลวจากปัญหาที่เราได้พบในวันนี้ไหมนะ 

“แต่ก็มองเห็นด้านบนนิดหน่อย มันก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอก” 

เจ้าหนูเสื้อติดที่กำลังกังวลใจลองมองขึ้นไปข้างบนแล้วพบว่าเป็นช่องทางเดียวที่พอมองเห็นอะไรอะไรได้บ้าง เมื่อเป็นแบบนั้นทำให้เขาพยายามที่จะตั้งคำถามต่อไปในขณะที่เสื้อติด

“แล้วถ้าอยากดื่มน้ำขึ้นมาจะทำอย่างไรดีนะ” 

คำถามนี้นำมาสู่การจินตนาการถึงวิธีการดื่มน้ำที่วาดภาพออกมาได้อย่างน่ารัก เชื่อว่าจะเรียกเสียงฮาให้กับผู้อ่านหลายๆ คนได้ดี เพราะเจ้าหนูเสื้อติดดูดน้ำจากหลอดยาวที่ต่อมาจากข้างในเสื้อ ด้วยท่าทางที่น่าขบขันมากนั่นเอง  

“แล้วถ้า… เจ้าแมวที่จะมาจั๊กจี้พุง จะทำอย่างไรดี ต้องแย่แน่เลย” 

แล้วเจ้าหนูเสื้อติดก็นึกต่อไปว่าอาจแค่ต้องลูบหัวแมวและเป็นมิตรกับมัน ก็สบายหายห่วงแล้ว 

การนึกจินตนาการไปต่างๆ นานาของเจ้าหนูเสื้อติด ทำให้เราเห็นว่าทั้งแปลกและสร้างสรรค์ ทั้งชวนตั้งคำถามและชวนหัวเราะ  ในทางหนึ่งก็ทำให้รู้สึกว่าปัญหาหรือุปสรรคบางอย่างอาจเข้ามาปิดกั้นให้เรารู้สึกมืดแปดด้าน แต่เมื่อถอยออกมาหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากมัน หรือตั้งคำถามกับมันใหม่ เราก็อาจเห็นทางออกที่สร้างสรรค์ในบางแง่มุมที่ไม่เคยนึกออกเลยก็ได้ เช่นกันกับเจ้าหนูเสื้อติดที่พาผู้อ่านเดินทางไปจินตนาการและคิดหาวิธีใช้ชีวิตในขณะที่เสื้อก็ยังติดอยู่นั่นเอง  

“มีคนอีกตั้งมากมายที่ถอดเสื้อไม่ออก แต่ก็กลายเป็นคนดัง”

ประโยคข้างต้นจะต้องทำให้หลายคนที่ได้อ่านเผลออมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะมันเป็นความสงสัยใคร่รู้ที่มาพร้อมพลังงานที่น่าสนใจอย่างหนึ่งว่า หลายครั้งที่ติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากหรือติดอยู่กับช่วงชีวิตที่ไม่ง่าย เราอาจเผลอคิดไปว่าเราล้มเหลวหรือพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว ประโยคนี้ของเจ้าหนูเสื้อติด จึงทำให้ทั้งขำขันและเห็นว่าคนอีกหลายคนต่างเติบโตขึ้น เข้าใจอะไรได้มากขึ้น 

ก็ล้วนมาจากการผ่านบางวันที่ชีวิตติดอยู่ในเสื้อหรือผ่านช่วงเวลายากๆ กันมาแล้วทั้งนั้นนั่นเอง 

พลังแห่งการเติบโตที่ซ่อนอยู่ภายใน 

ในขณะอ่าน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเจ้าหนูเสื้อติดจะออกจากเสื้อเจ้าปัญหานี้ได้สำเร็จไหม แต่สิ่งที่รู้แน่นอนคือ พลังของการย่างก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้ด้วย ‘ตัวเอง’ ของเขา การพยายามจินตนาการอยู่ร่วมกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไปจนถึงการพยายามถอด ยก เหวี่ยง หรือหันไปลองถอดกางเกงก่อน สิ่งเหล่านี้คือความรู้สึกอยากแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ทำให้รู้สึกประทับใจมากในขณะที่ได้อ่าน เพราะได้รับรู้พลังมหาศาลของเจ้าหนูเสื้อติดในการพยายามที่จะก้าวผ่านเรื่องยากนี้ไปได้ด้วยพลังแขนขา ร่างกาย และความตั้งใจ ซึ่งก็ทำให้นึกถึงตัวเราเองเหมือนกันที่มีความรู้สึกในการอยากทำบางอย่างให้ได้ไม่ต่างกันกับเจ้าหนูเสื้อติด  เราทุกคนต่างมีพลังในการข้ามผ่านอุปสรรคในชีวิต อย่างน้อยที่สุดก็เคยเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในวันวัยเตาะแตะที่เราต่างเพิ่งเริ่มทำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้างด้วยกล้ามเนื้อที่ยังไม่แข็งแรง แต่เปี่ยมไปด้วยเจตจำนงที่จะทำมันให้ได้ นั่นคือความยอดเยี่ยมที่มีอยู่ในพวกเราทุกคน 

“ยังไงผมก็จะถอดเอง”

หากใครอยากรู้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว เจ้าหนูเสื้อติดผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ได้หรือไม่ ชวนไปลองเสื้อติดด้วยกันได้เลย ในหนังสือภาพสุดน่ารักแสนแสบเรื่องนี้ ที่เราอาจได้พบว่าการออกจากเสื้อติดครั้งหนึ่งได้สำเร็จนั้น อาจไม่สำคัญเท่ากับเมื่อเกิดสถานการณ์เสื้อติดซ้ำอีกครั้ง เราจะไม่รู้สึกหวาดหวั่นเท่าครั้งแรกอีกต่อไป 

และที่สำคัญ ในวันนั้นเองเราจะได้รู้ว่าความพยายามและการลงแรงในวันยากๆ ที่ผ่านมา มีความหมายเพียงใด


Writer

Avatar photo

ศิรินญา

หาทำอะไรไปเรื่อยๆ ตามประสาวัยลุ้น

Photographer

Avatar photo

ภควัต เพชรเพ็ง

มนุษย์โลก

Related Posts