- นี่แหละเผด็จการ คือ หนังสือภาพจากสเปนและเป็นหนังสือแปลเล่มแรกของมูลนิธิคณะก้าวหน้า พานักอ่านเข้าสู่ความคิดของท่านผู้นำและโลกการปกครองระบบเผด็จการ
- เผด็จการไม่ใช่แค่ชื่อระบบการปกครอง แต่ซ่อนอยู่ในทุกเรื่องของชีวิต รวมถึงการอยู่ร่วมกันในครอบครัว
- เปิดหนังสือภาพและเข้าใจว่า ‘นี่แหละเผด็จการ’ จากงานเปิดตัวหนังสือภาพเล่มนี้ไปพร้อมกัน
“ผู้นำเผด็จการคือคนที่ออกคำสั่ง คือกฎหมาย และคือความยุติธรรม”
ความเป็นผู้นำในมุมมองของเอกิโป ปลันเตล ผู้เขียนหนังสือ ‘นี่แหละเผด็จการ’ หนังสือจากประเทศสเปนที่เขียนขึ้นหลังจากนายพลฟรังโก้ ผู้นำเผด็จการสเปนเสียชีวิตลงเพื่ออธิบายให้คนรุ่นหลังเห็นภาพชีวิตภายใต้ระบอบเผด็จการ
หนังสือเล่มนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 45 ปีที่แล้วในปี 1977 ก่อนที่มิเกล กาซาล นักวาดภาพประกอบที่เติบโตในช่วงเวลาที่นายพลฟรังโก้ยังมีชีวิตอยู่จะมาแต้มสีสันและเติมองค์ประกอบให้หนังสือเล่มนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“การอ่านคือรากฐาน จินตนาการถึงสังคมที่ดีขึ้น และชวนตั้งคำถาม”
ประโยคเปิดงานของ ‘ครูจุ๊ย’ กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ บรรณาธิการและผู้อำนวยการมูลนิธิคณะก้าวหน้า ในงานเปิดตัวหนังสือภาพ ‘นี่แหละเผด็จการ’ หนังสือแปลเล่มแรกของมูลนิธิคณะก้าวหน้า เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา มองว่า จุดประสงค์ให้หนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องมือเปิดสู่ประชาธิปไตยและเปิดบทสนทนาร่วมกันในครอบครัว
สนทนาร่วมกับมานา ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้แปลหนังสือนี่แหละเผด็จการ ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ‘อั๋น’ภูวนาท คุนผลิน พิธีกร และนักจัดรายการ ขยายมุมมองโลกของระบบการปกครองแบบเผด็จการ
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/DSC6669-1024x683.jpg)
อย่างน้อยๆ เรื่องหนักอย่างเรื่องการเมืองที่ถูกเคลือบด้วยสีหวานๆ ของตัวละครจากหนังสือภาพเล่มนี้อาจช่วยเตือนใจเราว่า “ระบอบการปกครองที่เหมือนกับการเขียนคำบอก ต้องทำตามเพราะแค่ต้องทำนั้นเป็นอย่างไร”
ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เราโตมากับคำว่าได้แค่นี้
“สังคมไทยพยายามโลกสวยกับเรื่องเผด็จการเรียกว่า เผด็จการโดยชอบธรรม แต่พอเป็นประชาธิปไตยเราตั้งคำถาม เราตื่นตัว แต่พอเป็นเผด็จการเราจะให้โอกาส อดทน และไม่ตั้งคำถาม”
ความเห็นของประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่า จุดร่วมของเผด็จการทั่วโลก คือ ปกครองด้วยความกลัว ความเท็จ และเลี้ยงดูเครือข่ายบริวาร
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/DSC6860-1024x683.jpg)
‘อั๋น’ ภูวนาท คุนผลิน พิธีกร และนักจัดรายการ เห็นด้วยและเสริมต่อว่า บางครั้งเราเผลอพอใจ ประนีประนอม และแก้ตัว แต่สุดท้ายเราก็อยู่ที่เดิม แต่อ้างว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็รอด
“บางครั้งประเทศเราที่ไปไม่ถึงไหน ไม่ใช่ว่าเราตั้งความหวังไว้สูงแล้วเราไปไม่ถึง แต่อาจจะเป็นเพราะเราตั้งความหวังต่ำไป แล้วเผลอพอใจกับมัน เพราะคิดว่าแค่นี้ก็พอ เกิดมาได้แค่นี้ก็พอแล้ว ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เราโตมากับคำว่าได้แค่นี้”
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/DSC6905-1024x683.jpg)
“หลายคนถามว่าแล้วเราผิดอะไร ไม่หวังสูงก็ไม่ผิดหวัง พอใจในสิ่งที่มีไง ซึ่งผมคิดว่ามันไม่มีระบบไหนที่ดี 100 เปอร์เซ็นต์ เรื่องคอรัปชันผมก็เชื่อว่ามีในระดับแตกต่างกัน และมันคงจะดีกว่านี้ในช่วงเวลาที่ประเทศเรามีประชาธิปไตยมากกว่านี้ และมันก็มีระบบที่คืนอำนาจให้กับเรา”
อั๋นยังเสริมต่อว่า เผด็จการไม่ใช่แค่การปกครอง แต่ซ่อนอยู่ในทุกเรื่องที่เราต้องตัดสินใจ เพื่ออยู่อย่างชอบธรรมและมีอิสรภาพในทุกด้าน แม้แต่การอยู่ร่วมกันในครอบครัว
“ครอบครัวผมคุยได้ทุกเรื่อง ทุกวันนี้ผมฟังเขา เขาไม่เห็นด้วยเพราะอะไร เขามีสิทธิในตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐาน สำหรับผมเรื่องนี้มันเรียบง่ายมาก ไม่ซับซ้อน” อั๋นเล่า
หนังสือภาพ เครื่องมือตั้งคำถามและต่อบทสนทนาร่วมกันในครอบครัว
ในฐานะบรรณาธิการหนังสือภาพ ‘นี่แหละเผด็จการ’ ครูจุ๊ยบอกว่า หนังสือไม่ได้ถูกผลิตเพื่ออ่าน แต่มีไว้เพื่อต่อบทสนทนาระหว่างคนอ่านด้วยกัน
“บทสนทนาที่ผู้คนมาคุยกันว่าเราเคยเห็นไหม มันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ทำอย่างไรให้มันไม่เป็นแบบนี้ บทสนทนาแบบนี้ ที่อยากเกิดขึ้นในทุกบ้าน ในพื้นที่ชีวิตประจำวันของทุกคน หยิบมาแล้วก็คุยกัน เพราะมันคือคุณค่าของหนังสือที่เป็นหนังสือภาพ”
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/DSC6924-1024x683.jpg)
ส่วนอั๋นบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งที่หนังสือภาพเล่มนี้บอก แต่ควรชวนตั้งคำถามและหาคำตอบร่วมกัน
“ดูแล้วเราไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด แต่ต้องตั้งคำถามที่ดีแล้วนั่งคุยและหาคำตอบด้วย เพราะทุกคนควรตั้งคำถามและหาคำตอบ แล้วเราจะพบว่าหลายครั้งมันไม่มีคำตอบให้หลายคำถามของเรา ทั้งๆ ที่มันเป็นคำถามที่ดี”
เบื้องหลัง ‘นี่แหละเผด็จการ’
แนวคิดและเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้มาจากนักเขียนนิรนาม 3 คนที่อยากสื่อสารเรื่องชีวิตของพวกเขาภายใต้การปกครองระบบเผด็จการ
มานา ผู้แปลหนังสือเล่มนี้ เล่าว่า หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นหลังจากนายพลฟรังโก้ตายไป 2 ปี ช่วงเวลาสำคัญที่สเปนกำลังผลัดใบจากระบบฟรังโก้เป็นประชาธิปไตย
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/DSC6830-1024x683.jpg)
ฟรังโก้คือใคร
ฟรังโก้ คือ คนที่ลุกขึ้นมารัฐประหารหลังจากฝ่ายซ้าย (แรงงานภาคอุตสาหกรรม) ได้รับชัยชนะและลุกขึ้นมาเปลี่ยนรูปแบบการปกครองด้วยความรวดเร็วทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ
แต่ข้อแตกต่าง คือ แม้จะทำรัฐประหารสำเร็จด้วยแรงสนับสนุนจากอดอล์ฟ ฮิตเลอร์จากเยอรมนี และ เบนิโน มุโสลินี แต่ฉากหลังคือสงครามการเมือง ความเสียหาย และการกวาดล้างการปกครองจากฝ่ายซ้าย
หลังจากนั้นประชาชนสเปนต้องอยู่ภายใต้ระบอบฟรังโก้อีก 40 ปีต่อมาจนเขาตายไป
การศึกษาในประเทศนี้ เด็กไม่เคยได้บอกว่าอยากได้อะไร
“เรารวมกันเป็นประเทศ เราอยากจะให้ประเทศเราเป็นแบบไหน”
ครูจุ๊ยเล่าว่า นี่คือบทสนทนาของชาวฟินแลนด์หลังผ่านยุคสมัยมาหลายปี แต่สะท้อนการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
ซึ่งแตกต่างกับประเทศไทยที่ใช้กฎหมายในการควบคุม และกฎหมายกลายเป็นกำแพงสูงที่ทำให้เข้าถึงกลไกจัดการศึกษาได้ยาก
“มันคือความตั้งใจที่ทำให้เราไม่มีส่วนร่วม ดังนั้นสิ่งสำคัญที่นโยบายการศึกษาจำเป็นต้องทำ คือ การทำให้การศึกษาเข้าถึงทุกคนและมีส่วนร่วมได้ในแบบตัวเอง บอกได้ว่าเราอยากได้แบบไหน”
![](https://fkwp.mappamedia.co/wp-content/uploads/2022/03/DSC6767-1024x683.jpg)
เพราะในประเทศแบบนี้ ประชาชนถูกกีดกันไม่ให้คิดเพราะต้องคิดแบบผู้นำ เอกิโป ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้บอกไว้
“ระบอบเผด็จการทุกที่ห้ามไม่ให้คนใช้ความคิด อนุญาตให้คิดตามที่ท่านผู้นำต้องการเท่านั้น ทั่วประเทศสงบเรียบร้อย เพราะไม่มีใครบ่น ไม่มีใครประท้วง”
นี่แหละเผด็จการ จึงไม่ได้ทำหน้าที่แค่พาคนอ่านเดินเข้าสู่ความคิดของท่านผู้นำและโลกเผด็จการเท่านั้น แต่ชวนตั้งคำถามที่ลึกซึ้งขึ้นว่า ภายใต้ของความสงบเรียบร้อยที่ใครเขาบอกกัน ประชาชนถูกคืนความสุขตามคำสัญญาแล้วหรือยัง พร้อมกับตอบคำถามท้ายหนังสือ ‘นี่แหละเผด็จการ’ ในข้อสุดท้ายได้ว่า
“ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขภายใต้ระบบเผด็จการได้หรือไม่”
จงแสดงความคิดเห็น