มากกว่ามื้ออิ่มท้อง เพราะเป็นมื้อสร้างความสัมพันธ์ การทานข้าวกับที่บ้านนั้นสำคัญแค่ไหน และเพราะอะไรบทสนทนาจึงชอบเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร

เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เติบโตมากับวัฒนธรรมการทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนในครอบครัว และเชื่อเหลือเกินว่าหลายบ้านให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก หลากหลายบทสนทนาที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำนั้นก็อาจมาจากคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่บนโต๊ะอาหารเช่นเดียวกัน

โต๊ะยาวๆ สักหนึ่งตัว กับเก้าอี้เทียบเท่าจำนวนคนในบ้าน

จานชามและช้อนส้อมที่ถูกตระเตรียมเรียงรายบนโต๊ะเหล่านั้น

อันที่จริง การจะเปรียบเทียบอะไรสักอย่างที่แทนความหมายของคำว่า ‘ครอบครัว’ ก็มีมากมายหลายอย่าง แต่สิ่งที่หลายคนอาจหลงลืมไปหรือคิดไม่ถึงว่าก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงคำว่าครอบครัวได้เช่นเดียวกันก็คือ ‘โต๊ะอาหาร’

พื้นที่แห่งนี้คือที่ที่คนในบ้านจะได้ใช้เวลาร่วมกัน และได้รับทั้งความอิ่มท้องและอิ่มใจ บทสนทนาแต่ละมื้อเปรียบได้กับการได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน ซึ่งล้วนเป็นความสวยงามที่ทุ้มอยู่ในความทรงจำของคนคนหนึ่งตลอดไป

มากกว่ามื้ออิ่มท้อง เพราะเป็นมื้อสร้างความสัมพันธ์

“ไหนวันนี้เป็นยังไงบ้าง เล่าให้พ่อฟังซิ”

นี่คือประโยคแรกที่แวบเข้ามาในหัวของผู้เขียน เมื่อนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารกับครอบครัวในตอนเด็ก

จากที่ผู้เขียนได้แลกเปลี่ยนในเรื่องนี้กับผู้คนรอบตัวในชีวิต พบว่ามีหลายคนมากๆ ที่มีความทรงจำและบทสนทนาดีๆ กับคนในบ้าน ด้วยการรับประทานอาหารกับครอบครัว

ในหนึ่งวันเราพบเจอเรื่องราวหลากหลายและผู้คนมากมาย ทั้งดีร้ายปะปนกันไป เมื่อตกเย็นกลับมาที่บ้านเราอาจจะต้องการใครสักคนที่รับฟังและแบ่งปันเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

เชื่อไหมว่าการกินข้าวด้วยกันของคนในครอบครัว คือช่วงเวลาที่ทุกคนจะสามารถใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งอันที่จริงแล้วในหลายความสัมพันธ์เวลาที่มีคุณภาพ (Quality Time) เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกเสมอๆ ในทุกความสัมพันธ์ ซึ่งการกินข้าวกับครอบครัวนั้นมีความสัมพันธ์อย่างมากในแง่ของจิตใจ

หรือมองให้ลึกซึ้งกว่านั้น โต๊ะตัวนี้นี่แหละที่จะเป็นพื้นที่ที่ให้คนต่างวัยได้มาใช้เวลาด้วยกัน

ในเรื่องเรื่องหนึ่ง เมื่อใช้มุมมองจากคนละช่วงวัยอาจทำให้เรามองสิ่งเหล่านี้ได้รอบด้านมากยิ่งขึ้น

โต๊ะอาหารจึงเป็นที่มอบมื้ออาหารที่มากกว่าความอิ่มท้อง แต่ยังเป็นมื้อสร้างสัมพันธ์ที่ทำให้คนในบ้านอิ่มเอมใจตามไปด้วย

นอกจากการเชื่อมความสัมพันธ์ การทานอาหารร่วมกันยังส่งผลไปถึงการสร้างภูมิคุ้มกันทางหัวใจให้กับคนในบ้านก่อนที่จะไปเผชิญโลกภายนอกในวันถัดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กและผู้สูงอายุ

เพิ่มเวลาที่มีคุณค่ากับคนที่รัก จากการพักหย่อนจิตใจด้วยบทสนทนา

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในบริบทปัจจุบันทำให้เราเร่งร้อนกับการใช้ชีวิตมากขึ้น และมีเวลาให้กับคนรอบตัวลดน้อยลง นั่นจึงทำให้ช่วงเวลาวิเศษในมื้ออาหารนั้นลดน้อยลงไปและเกือบจะจางหายไปตามกาลเวลา

แม้ว่าความรักความสัมพันธ์จะยังคงอยู่ไม่เลือนหาย แต่การใช้เวลาร่วมกันของหลายครอบครัวกลับกลายเป็นของหายากไปเสียแล้ว

อีกทั้งบางมื้ออาจถูกขัดขวางด้วยเจ้าสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ยิ่งทำให้โต๊ะอาหารกลายเป็นเพียงพื้นที่ที่ให้แต่ละคนได้รับประทานเพื่อเติมพลังกาย แต่บทสนทนาที่เป็นสิ่งเติมพลังใจชั้นดีกลับหายไป

วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนวางโทรศัพท์เพื่อกลับมาใช้เวลาร่วมโต๊ะอาหารกับคนในบ้านสักครู่ เพื่อย้อนกลับมาเชื่อมต่อในสิ่งที่เคยขาดหาย และกลับมายิ้มได้จากการมีบทสนทนาที่เชื่อมต่อเราเข้าไว้ด้วยกันอีกครั้ง

หรือถ้าใครอยากลองหยิบยืมประโยคอบอุ่นๆ ไปสร้างบทสนทนาและการพูดคุยบนโต๊ะอาหารที่บ้านของตัวเอง จะแวะมาดูนิทรรศการในโซน 3A: RECONNECT with our family ที่งาน Relearn Festival 2024: Co-Creating Next Generation ระหว่างวันที่ 27-28 มกรมคม 2567 ที่มิวเซียมสยามก็ได้เช่นกันนะ


Writer

Avatar photo

รุอร พรหมประสิทธิ์

หนังสือ ไพ่ทาโรต์ กาแฟส้ม แมวสามสี และลิเวอร์พูล

Illustrator

Avatar photo

สิริกร พรอนงค์

ดีไซน์เนอร์, นักวาด และอาร์ตไดมือใหม่ที่ชอบไปทะเล

Related Posts

Civic Education

‘ดร.ยุ้ย’ เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ “ใช่ เลี้ยงเด็กหนึ่งคนต้องใช้ทั้งหมู่บ้าน และกรุงเทพฯ​ สร้างหมู่บ้านได้”​